สายเกมเมอร์หรือผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเกมพลาดไม่ได้กับ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง (Gaming Keyboard) เป็นคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ถูกดัดแปลงและพัฒนารูปแบบรูปทรง คุณสมบัติ รวมถึงฟังก์ชันเสริมต่างๆ เพื่อให้สายเกมเมอร์ใช้งานได้สะดวก ปุ่มกดนิ่ม แต่ตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ ทั้งยังมีความทนทานเป็นพิเศษ

แต่สำหรับผู้เล่นมือใหม่ อาจจะยังไม่ค่อยรู้และคุ้นเคยกับตัวปุ่มกดต่างๆ รวมถึงฟังก์ชันเสริมที่ควรมีของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการเลือก คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ให้สำหรับผู้ที่สนใจ และกำลังอยากจะได้คีย์บอร์ดดีๆ ไว้สำหรับการเล่นเกม มาเลือกคีย์บอร์ดที่ตรงตามสเปคของคุณ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับการเล่นเกมของคุณกันเถอะ | เรียบเรียงข้อมูลโดย pro4289.com

มาทำความรู้จักคีย์บอร์ดเกมมิ่ง

คีย์บอร์ดเกมมิ่ง (Gaming Keyboard) เป็นคีย์บอร์ดแบบ Mechanical keyboard ได้รับความนิยมมากสำหรับเกมเมอร์และคนที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มีความแข็งแรง ทนทาน ตอบสนองรวดเร็ว เป็นคีย์บอร์ดที่ไร้ซึ่งองค์ประกอบที่เป็นแผ่นยาง แต่ทำงานโดยการใช้กลไกลของปุ่มแต่ละปุ่มที่เรียกว่า Switch ในการเชื่อมต่อระหว่างคีย์แคป กับแผงวงจรแทน

เอกลักษณ์ของ Mechanical keyboard คือ รูปรสในการสัมผัสและเสียงในขณะที่คีย์แคปกระทบกับสวิตซ์ เพราะแต่ละสวิตซ์จะมีเสียงที่แตกต่างกัน ทำให้เพิ่มอรรถรสในการพิมพ์ให้มีความสนุกเพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งจุดเด่นคือตัวคีย์บอร์ดแบบ Mechanical ในส่วนของคีย์แคป (Keycap) สวิตซ์ (Switch) จะสามารถเปลี่ยนและปรับแต่งเองได้ ซึ่งจะมีการปรับแต่งไฟ RGB มาให้ในตัว โดยตัวสวิตช์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ Linear Switch และ Tactile Switch เพื่อเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับคีย์บอร์ดตามความชื่นชอบในแบบที่คุณต้องการ

[the_ad id="908"]

เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับสวิตช์คีย์บอร์ด

การแบ่งกลุ่มของประเภทสวิตช์ต่างๆ ของคีย์บอร์ด Mechanical สามารถแบ่งได้ตามรสสัมผัสและอัตราการตอบสนองของสวิตช์ได้ 2 แบบใหญ่ๆ ได้แก่ Linear Switch กับ Tactile Switch โดยทั้งสองแบบนี้จะมีความแตกต่างและมีประเภทของสวิตช์ดังนี้

  • Linear Switch

จะเป็นสวิตช์ที่มีแรงต้านคงที่ตลอดการกดใช้งาน มีจังหวะการกดเพียงหนึ่งจังหวะ ซึ่งจะมีสวิตช์ Cherry MX Black Switch (สีดำ) และ Cherry MX Red Switch (สีแดง) ที่ถูกรวมเอาไว้ในกลุ่มนี้

  • Tactile Switch

จะเป็นสวิตช์ที่มีแรงต้านไม่คงที่โดยจะมีจังหวะการทำงานสองจังหวะคือจะมีช่วงต้านการกดและช่วงระยะที่ตัวปุ่มจะไม่ต้านการกด โดยกลุ่มนี้จะมี Cherry MX White Switch (สีขาว), Cherry MX Green Switch (สีเขียว),Cherry MX Blue Switch (สีน้ำเงิน) และ Cherry MX Brown Switch (สีน้ำตาล)

จากข้อมูลด้านบนแรงกดของปุ่มสวิตช์ Cherry MX จะสามารถวัดค่าเป็น cN หรือเซนตินิวตัน (Centinewtons) โดยที่แรงกด 1 กรัมจะเท่ากับ 0.981 เซนตินิวตันนั่นเอง

สีของสวิตช์มีความสำคัญอย่างไร

จะเห็นได้ว่าสวิตช์มีอยู่หลายสี ซึ่งสีของแต่ละสวิตช์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอยู่ที่จังหวะกับน้ำหนักในการออกแรงกด คือ

  • Cherry MX Black Switch (สวิตช์สีดำ)

เป็นสวิตช์ที่มีน้ำหนักการกดที่ 60 เซนตินิวตัน โดยใช้แรงในการกดมากที่สุดของในกลุ่มสวิตช์ ปุ่มกดจะเป็นแบบ Linear ซึ่งเป็นสวิตช์ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบกดปุ่มผิดบ่อยๆ เพราะแรงต้านของปุ่มจะช่วยลดโอกาสกดผิดได้ แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้พิมพ์งานเพราะปุ่มกดให้ผัสสัมที่แข็งเกินไป

  • Cherry MX Red Switch (สวิตช์สีแดง)

เป็นสวิตช์แบบ Linear มีจังหวะกดเพียงจังหวะเดียวเหมือนกับ Cherry MX Black Switch ส่วนน้ำหนักการกดอยู่ที่ 45 เซนตินิวตัน ซึ่งสามารถนำไปเล่นเกมหรือจะใช้ในการพิมพ์งานก็ได้

  • Cherry MX White Switch (สวิตช์สีขาว)

เป็นสวิตช์แบบ Tactile คือมีจังหวะกดสองจังหวะกับน้ำหนักในการกดที่ 60-70 เซนตินิวตัน สวิตช์ Cherry MX White Switch นี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะด้วยน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับตัวสวิตช์สีดำแล้ว ยังทำให้คนที่ใช้งานเข้าใจผิดสลับกับตัวสวิตช์สีดำอยู่บ่อยๆ

  • Cherry MX Blue Switch (สวิตช์สีน้ำเงิน)

เป็นสวิตช์แบบ Tactile โดยตัวปุ่มจะต้องการแรงกดที่ 50 เซนตินิวตัน และจะเริ่มทำงานเมื่อแรงกดเพิ่มขึ้นถึง 60 เซนตินิวตัน สวิตช์สีนี้เหมาะสำหรับนำไปใช้พิมพ์สัมผัสมากที่สุด แต่จะนำไปใช้เล่นเกมก็ได้ แต่อาจจะตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าต้องใช้ในการกดปุ่มแบบถี่ๆ  รัวๆ ทั้งยังมีเสียงที่ดังชัดเจนจนอาจจะไปรบกวนผู้ใช้คนอื่นๆ ได้อีกด้วย

  • Cherry MX Brown Switch (สวิตช์สีน้ำตาล)

สวิตช์สีน้ำตาลเป็นสวิตช์แบบ Tactile มีน้ำหนักการกดเริ่มต้นที่ 45 เซนตินิวตัน และเริ่มทำงานเมื่อน้ำหนักกดเพิ่มขึ้นถึง 55 เซนตินิวตัน ซึ่ง Cherry MX Brown Switch ได้ถูกแก้ไขให้มีเสียงกดระหว่างการใช้งานที่เบากว่า Cherry MX Blue Switch ได้ในระดับหนึ่ง

  • Cherry MX Green Switch (สวิตช์สีเขียว)

เป็นสวิตช์ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่าสวิตช์สีน้ำเงินและสีดำ โดยสวิตช์จะเป็นแบบ Tactile มีเสียงแบบเดียวกับสวิตช์สีน้ำเงิน แต่ปุ่มกดจะค่อนข้างแข็ง มีน้ำหนักการกดอยู่ที่ 80 เซนตินิวตัน จึงเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่กดปุ่มค่อนข้างแรงและต้องการปุ่มที่ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้ดี

วิธีการเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่ง

1. เลือกจากขนาดของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง
ขนาดของคีย์บอร์ดต้องจัดวางเพื่อให้เข้ากันได้กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างถนัดมือและมีพื้นที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งขนาดของคีย์บอร์ดมีดังนี้

  • คีย์บอร์ดเกมมิ่งขนาดปกติ

ตัวคีย์บอร์ดจะมีปุ่มตัวเลขพร้อมใช้งานได้อเนกประสงค์ โดยมีปุ่มกด 104 Keys ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดจากบรรดาคีย์บอร์ดทุกชนิด เพราะหาซื้อได้ง่ายและคุ้นเคยกับการใช้งานกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในส่วนของแป้นพิมพ์ตัวเลข (Numpad) ที่จะช่วยเสริมให้การใช้งานคีย์บอร์ดเกมมิ่งมีความหลากหลายยิ่งขึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วในการใช้เล่นเกมจะไม่ค่อยได้ใช้แป้นพิมพ์ตัวเลขก็ตาม แต่จะมีในบางเกมที่ยังต้องมีการพิมพ์ตัวเลขลงไปด้วย

  • TKL (Tenkeyless Keyboard)

เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่ตัดแป้นพิมพ์ตัวเลขออกทั้งหมด จะมีจำนวนปุ่มกดบนคีย์บอร์ด 87 Keys ข้อดีของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง TKL คือช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดวางได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้เมาส์ให้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับเกมเมอร์แนว FPS ที่มักจะใช้พื้นที่ในการลากและสะบัดเมาส์มากกว่าเกมแนวอื่นๆ

  • คีย์บอร์ดขนาด 60%

เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีจำนวนปุ่มเหลืออยู่บนคีย์บอร์ดเพียง 60% หรือประมาณ 61 Keys ข้อดีคือมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก โดยส่วนใหญ่แล้วคีย์บอร์ดแบบนี้จะสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบแบบไร้สายอย่าง Wireless และ Bluetooth ได้อีกด้วย ทำให้ใช้งานได้ทั้งที่บ้าน หรือพกพาเอาไปใช้งานข้างนอกบ้านก็สะดวกมากๆ เช่นกัน

2. เลือกจากแบบสวิตช์และสีของสวิตช์
คีย์บอร์ดเกมมิ่งนิยมใช้สวิตช์แบบ Linear Switch และ Tactile Switch โดยสวิตซ์จะใช้สีเป็นตัวบอกคุณสมบัติของการใช้งานที่แตกต่างกันตามจังหวะและน้ำหนักในการออกแรงกดปุ่ม ดังนั้นควรศึกษาให้ดีก่อน เพราะสวิตช์แบบ Linear Switch และ Tactile Switch เหมาะกับการใช้งานและการเล่นเกมที่แตกต่างกัน และสีของสวิตซ์จะบอกได้ถึงความเหมาะสมต่อการเล่นเกมและการใช้พิมพ์งานว่าสีไหนควรใช้กับอะไรได้ดีและเหมาะสมที่สุด

3. เลือกจากคุณภาพของปุ่มกด
คุณภาพของปุ่มกดควรมีความทนทานต่อการรองรับแรงกดได้ดี เพราะในเกมบางประเภทอย่างเกมแนว FPS,  MOBA และ MMO RPG จะใช้แรงในการกดปุ่มที่แรง และกดปุ่มแบบถี่รัว จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การสัมผัสของปุ่มจะต้องช่วยให้เล่นเกมเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีติดขัด ดังนั้นคุณภาพของปุ่มกดจึงมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกคีย์บอร์ดมาใช้งาน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างถนัดมือและมีสัมผัสของปุ่มกดที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ทั้งตัวปุ่มต้องมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกด เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมอย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินได้มากยิ่งขึ้น

4. เลือกจากโหมดการแสดงผลไฟ RGB
คีย์บอร์ดเกมมิ่งในปัจจุบันได้ติดตั้งระบบการแสดงผลไฟแบบ RGB ซึ่งถือเป็นการตกแต่งหลักของอุปกรณ์สายเกมมิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการเพิ่มสีสันให้คีย์บอร์ดดูสวยงาม และคุณยังสามารถเลือกปรับแต่งเองได้ตามที่ชื่นชอบ ดังนั้นคุณจึงควรมองหาคีย์บอร์ดรุ่นที่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการแสดงผลแสงไฟ RGB ด้วย เพื่อให้คุณสามารถปรับแต่งรูปแบบได้อย่างหลากหลาย และเพิ่มความสวยงามให้กับอุปกรณ์ของคุณไปด้วยในเวลาเดียวกัน

5. เลือกจากฟังก์ชันเสริมของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง
คีย์บอร์ดเกมมิ่งจะมีฟังก์ชันเสริมเพื่อตอบโจทย์ในการเล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้น อย่างเกมที่จำเป็นต้องกดปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกันในระหว่างเล่นเกม จำเป็นต้องคำนึงถึงคีย์บอร์ดที่มีระบบ Anti-Ghosting และ N-Key Rollover  เพราะถ้าหากกดหลายๆ ปุ่มพร้อมกันแล้วคีย์บอร์ดไม่ตอบสนองหรือเกิดอาการค้าง ก็อาจจะส่งผลถึงขั้นแพ้ชนะในเกมได้

ซึ่งระบบ Anti-Ghosting เป็นระบบที่ช่วยให้กดปุ่มได้หลายปุ่มพร้อมกัน เพื่อแก้ปัญหาคีย์บอร์ดค้าง โดยในคีย์บอร์ดเกมมิ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจำนวนปุ่ม Anti- Ghosting ไม่เท่ากัน บางรุ่นอาจกดได้ 18 ปุ่ม หรือมากกว่านั้น แต่ถ้ากดปุ่มมากกว่าที่กำหนดไว้ก็จะส่งผลให้คีย์บอร์ดค้างหรือรวนได้เหมือนเดิม ส่วน N-Key Rollover เป็นระบบที่มาแก้ปัญหา Anti-Ghosting อีกที เพราะจะสามารถกดปุ่มทั้งหมดบนคีย์บอร์ดได้พร้อมกันโดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับคีย์บอร์ดให้เห็น จึงช่วยให้เล่นเกมได้อย่างอุ่นใจและเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมี ฟังก์ชันมาโคร และ ฟังก์ชันแบล็คไลท์ ที่เสริมเข้ามาในคีย์บอร์ดเกมมิ่ง โดยฟังก์ชันมาโครจะเข้ามาช่วยลดเวลาในการใช้งานสกิลต่างๆ ซึ่งจะสามารถกำหนดค่าปุ่มต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของคุณได้ รวมไปถึงการกดคีย์ครั้งเดียวแต่เหมือนกดหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถตั้งค่าสกิลหรือชุดคำสั่งอื่นๆ ที่ใช้งานเป็นประจำไว้ในปุ่มบนคีย์บอร์ดที่ต้องการได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเกมเมอร์มากยิ่งขึ้น และสำหรับฟังก์ชันแบล็คไลท์ จะช่วยทำให้มองเห็นได้ง่ายแม้เล่นเกมในที่มืด ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเล่นเกมในสถานที่มืดๆ หรือเล่นในเวลากลางคืนนั่นเอง

10 อันดับ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี 2024


1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
Glorious คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น GMMK PRO 75%
Logitech คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น G913
Corsair คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น K70 RGB PRO
Logitech คีย์บอร์ดเกมมิ่ง TKL | รุ่น G Pro X TKL
Razer คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น Blackwidow V3
ROYAL KLUDGE คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น RK84
SIGNO E-SPORT คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น KB-781
NUBWO คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น ALISTAR X33
Tsunami คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น MK-68
EGA คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น TYPE K8 RGB
ขนาด 75% 104 Keys 104 Keys TKL 104 Keys 75% 104 Keys 104 Keys 60% TKL
ประเภทสวิตช์ Glorious Fox Switch GL Switch Clicky, Linear, Tactile CHERRY® MX Blue Tactile Switch Green Switch Mechanical Blue, Red, Brown Switch Optical Mechanical Switch Mechanical Blue, Red Switch Mechanical Blue, Red, Brown Switch Rubber Dome
Backlight RGB LIGHTSYNC RGB RGB RGB RGB RGB RGB RGB RBW RGB Mini RGB
N-Key Rollover 84 Keys 104 Keys 104 Keys 96 Keys 104 Keys 84 Keys 104 Keys 104 Keys 68 Keys 19 Keys
Anti-Ghosting 84 Keys 104 Keys 104 Keys 96 Keys 104 Keys 84 Keys 104 Keys 104 Keys 68 Keys 25 Keys
ระบบไร้สาย Bluetooth, Wireless 2.4GHz LIGHTSPEED, Bluetooth, USB Bluetooth 5.0, Wireless 2.4GHz
Macro
Swappable
รับประกันสินค้า 2 ปี 2 ปี 2 ปี 2 ปี 2 ปี 3 เดือน 2 ปี 2 ปี 2 ปี 2 ปี
ราคาเริ่มต้นที่ 14,490 บาท 5,446 บาท 5,590 บาท 6,515 บาท 3,490 บาท 2,049 บาท 1,690 บาท 759 บาท 599 บาท 390 บาท
เช็คราคาล่าสุด

1. Glorious คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น GMMK PRO 75%

  • คีย์บอร์ดเกมมิ่งขนาด 75% Tenkeyless

  • แผ่นวงจร PCB แบบ ANSI มีทั้งหมด 83 Keys

  • มีปุ่มหมุนควบคุมเสียงและสามารถตั้งค่าได้อย่างอิสระ

  • มาพร้อมไฟ RGB backlight และไฟด้านข้างปรับได้ 16.8 ล้านสี

  • มีตัวช่วยพยุงสวิตช์ GOAT Stabilizer

  • คีย์แคปเสริมสำหรับ Apple Computer

  • เชื่อมต่อแบบมีสายด้วยพอร์ต USB-A

2. Logitech คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น G913

  • คีย์บอร์ดตกแต่งสวยงามด้วยไฟ LED RGB

  • มีปุ่มมัลติมีเดียควบคุมความบันเทิงในตัว

  • รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายและไร้สาย

  • เชื่อมต่อผ่าน USB, Bluetooth, Lightspeed (Wireless Dongle)

  • สลับการเชื่อมต่อระหว่าง Bluetooth และ Lightspeed ได้

  • แบตเตอรี่ใช้งานบนความสว่างสูงสุดได้ต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง

3. Corsair คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น K70 RGB PRO

  • คีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบกลไก พร้อมปุ่มกดโพลีคาร์บอเนต

  • สวิตช์กุญแจแบบกลไก CHERRY MX และไฟแบ็คไลท์ RGB

  • พร้อมมาตรฐานใหม่ด้วยเทคโนโลยี AXON และสวิตช์ทัวร์นาเมนต์

  • คีย์สวิตช์แบบกลไก 100% มีเสียงเล็กน้อยเมื่อกดปุ่ม

  • เลย์เอาต์แถวล่าง มาตรฐานทนทานต่อการสึกหรอ

4. Logitech คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น G Pro X TKL

  • คีย์บอร์ดเกมมิ่ง มาพร้อมการควบคุมโหมดเกม

  • ดีไซน์กับมือโปร จากความร่วมมือกับผู้เล่นระดับโลกนับร้อยคน

  • ปุ่มแบบตั้งโปรแกรมได้, มีแสงไฟ RGB พร้อม LIGHTSYNC

  • เค้าโครงคีย์บอร์ดมาตรฐานสำหรับความเข้ากันได้กับ 3P

  • เชื่อมต่อได้ทั้ง LIGHTSPEED, Bluetooth และ USB

  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 50 ชั่วโมง (ชาร์จไฟได้)

5. Razer คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น Blackwidow V3

  • คีย์บอร์ดเกมมิ่ง Razer ขนาด Full-Size

  • มาพร้อมไฟ Razer Chroma RGB

  • สวิตซ์ Razer Green/Yellow Mechanical

  • ปุ่มกดได้มากกว่า 80 ล้านครั้ง แข็งแรงทนทาน

  • รอบรับการตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์

  • มี Multimedia Control ในตัว

  • เชื่อมต่อแบบมีสายด้วยพอร์ต USB

6. ROYAL KLUDGE คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น RK84

  • คีย์บอร์ดแมคคานิคอลขนาด 75%

  • แผงวงจรแบบ Hot-Swap ไม่ต้องบัดกรี

  • มีไฟ RGB สวยงาม ปรับได้หลายรูปแบบ

  • เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wireless 2.4 GHz, Bluetooth

  • เชื่อมต่อแบบมีสายด้วย USB-A to USB-C

  • ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต 

7. SIGNO E-SPORT คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น KB-781

  • คีย์บอร์ดแมคคานิคอล ใช้เทคโนโลยี Optical switch

  • ปุ่มกดได้มากถึง 100 ล้านครั้ง

  • มาพร้อมไฟ RGB ปรับได้ 21 โหมด

  • รองรับมาโครและปรับแต่งสีไฟบนคีย์บอร์ดได้

  • สามารถกดปุ่มพร้อมกันได้ทุกปุ่ม 104 Keys

  • ใช้งานโดยการเชื่อมต่อแบบมีสาย

8. NUBWO คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น ALISTAR X33

  • คีย์บอร์ดแมคคานิคอล คีย์แคปภาษาไทย/อังกฤษ

  • มีสวิตซ์ให้เลือก 2 แบบ มีไฟเกมมิ่งโหมด ปรับได้

  • มาพร้อมไฟ mini RGB ปรับได้ 20 โหมด

  • กดหลายปุ่มได้พร้อมกันด้วย N-Key Rollover และ Anti-Ghosting 100%

  • เชื่อมต่อแบบมีสายด้วยพอร์ต USB-A 2.0

9. Tsunami คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น MK-68

  • คีย์บอร์ดเกมมิ่งขนาด 60%

  • รองรับการกดมากถึง 50 ล้านครั้ง

  • รองรับการ Hot Swappable

  • มาพร้อมไฟ RGB

  • สวิตช์ Outemu มีสี Blue, Red, Brown

  • ใช้งานโดยการเชื่อมต่อแบบมีสาย

10. EGA คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่น TYPE K8 RGB

  • คีย์บอร์ดปุ่มยาง ตกแต่งด้วยไฟ Mini RGB

  • ปรับไฟได้ 9 โหมด พร้อม Anti-Ghosting ได้ 19 ปุ่ม

  • คีย์บอร์ดมีทั้งปุ่มไทย/อังกฤษ

  • เชื่อมต่อใช้งานผ่านสาย USB 2.0 สายยาว 1.8 เมตร

  • ดีไซน์สวยงาม แข็งแรง ทนทาน การันตีจากเหล่าเกมเมอร์