เมื่อผิวหน้าต้องเจอกับแสงแดดที่ร้อน โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานในที่โล่งแจ้ง หรือต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยๆ แม้ว่าบางคนจะโดนแดดไม่นานนักก็ตาม แต่ก็สามารถทำให้ภูมิต้านทานของเซลล์ผิวลดลงได้ และอาจสะสมจนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน นอกจากนี้แสงแดดยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาต่อสภาพผิว เช่น การเกิดฝ้า กระ รอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาก่อนวัย ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำและหยาบกร้านลงได้

เนื่องจากปัญหาเหล่านี้ ทำให้หลายแบรนด์ดังของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำมากมายได้มีการผลิตครีมกันแดดทาหน้า เพื่อแก้ปัญหาของสภาพผิวเมื่อต้องเจอกับแสงแดดและป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวหน้าถูกแสงแดดทำร้าย ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติในการปกป้องและบำรุงรักษาผิวที่ต่างกัน เราจึงอยากแนะนำ 10 อันดับ ครีมกันแดดทาหน้า ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าและช่วยแก้ปัญหาสภาพผิว พร้อมทั้งยังช่วยปกป้องผิวหน้าของคุณจากแสงแดดในทุกสภาพอากาศได้อย่างตรงจุดมากที่สุด | จัดอันดับโดย pro4289.com

ความรู้เกี่ยวกับรังสี

ขอกล่าวก่อนว่ารังสีที่มีผลต่อสภาพผิวและเป็นอันตรายต่อเซลล์ผิว ซึ่งอาจก่อให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้คือ รังสี UVB และ รังสี UVA โดยที่รังสี UVB จะมีช่วงความยาวคลื่น 280 – 320 นาโนเมตร รังสีนี้จะสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยากับ DNA ในเซลล์โดยตรง จนทำให้ก่อเกิดเป็นสาร Cyclobutane pyrimidine dimmers และ Thymine glygols ที่เข้าไปเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งได้ ส่วนรังสี UVA ในช่วงความยาวคลื่น 320 – 400 นาโนเมตร จะมีผลต่อผิวหนังได้น้อยกว่ารังสี UVB แต่จะมีส่วนที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน หากผิวของเราสัมผัสหรือได้รับการสะสมเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระขึ้นในเนื้อเยื่อ ซึ่งต่อมาจะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งด้วยการเหนี่ยวนำให้มีการเปลี่ยนแปลงของ DNA ในระดับเซลล์

 ชนิดของรังสี มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่

  • รังสี UVC

รังสี UVC มีช่วงความยาวคลื่น 100 – 280 นาโนเมตร เป็นรังสีที่มีพลังงานสูงสุด แต่ส่วนมากจะถูกดูดซับไว้ด้วยโอโซนในชั้นบรรยากาศของโลก

  • รังสี UVB

รังสี UVB มีช่วงความยาวคลื่น 280 – 320 นาโนเมตร เป็นรังสี UV ที่มีพลังงานรองลงมาจากรังสี UVC มีผลทำให้ผิวหนังเกิดอาการเป็นผื่นแดง แสบร้อน และผิวหนังอาจเกิดเป็นรอยไหม้ โดยเฉพาะกับผู้แพ้แสงแดดง่ายหรือต้องตากแดดเป็นเวลานานๆ

  • รังสี UVA

รังสี UVA มีช่วงความยาวคลื่น 320 – 400 นาโนเมตร เป็นรังสี UV ที่มีพลังงานต่ำที่สุด ซึ่งเมื่อได้รับรังสีชนิดนี้จะมีผลต่อสภาพของผิวหนัง เช่น ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่น มีริ้วรอยก่อนวัย หรือทำให้ผิวดูหมองคล้ำ มีฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ เกิดขึ้นตามผิวหนังได้

มารู้จักกับค่า SPF และ PA ว่าคืออะไร

  • ค่า SPF หรือ ค่าประสิทธิภาพของสารในการป้องกันแสงแดด

SPF (Sun Protection Factor) เป็นค่าที่บอกถึงการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวเกิดอาการเป็นผื่นแดง แสบร้อน และผิวหนังเป็นรอยไหม้ โดยส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับค่า SPF 15 , SPF 30 หรือค่า SPF ที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง SPF 150 ยกตัวอย่างเช่น

ในกรณีที่เราต้องออกไปยืนกลางแดด โดยไม่ได้ทาครีมกันแดดใดๆ เลย เป็นเวลาประมาณ 20 นาที ผิวของเราก็จะเริ่มมีอาการแสบร้อนหรือบางคนอาจมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามผิว แต่ถ้าเราทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 บนผิวหน้า ผิวหน้าของเราก็จะสามารถทนต่อแสงแดดได้ดี

  • PA หรือ ค่าวัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี

PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA เป็นหน่วยที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งค่า PA ที่สูงสุดคือ PA++++

ประเภทของครีมกันแดดทาหน้า

แสงแดดที่แรงขึ้นในทุกๆ วัน ก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถปกป้องผิวหน้าอันบอบบางได้ด้วยการใช้ครีมกันแดดทาหน้า โดยครีมกันแดดทาหน้าจะแบ่งประเภทตามคุณสมบัติออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • ครีมกันแดดทาหน้าดูดซับรังสี (Chemical Sunscreen)

ครีมกันแดดประเภทดูดซับรังสีจะประกอบไปด้วยสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับรังสีไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้รังสีเหล่านี้พุ่งทะลุมาสัมผัสกับผิวของเรา และจะปล่อยรังสีในช่วงคลื่นอื่นออกมาแทนหลังการดูดซับไว้ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว โดยสารที่ใช้ผสมจะมีคุณสมบัติในการดูดซับรังสี ได้แก่ Oxybenzone, PABA, Salicylates, Cinnamates เป็นต้น

ข้อดีของครีมกันแดดทาหน้าดูดซับรังสีคือ ส่วนใหญ่ครีมจะไม่มีสีหรืออาจมีสีอ่อนๆ มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวและมีราคาถูก ส่วนข้อเสียคืออาจต้องทาซ้ำทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมง เมื่อต้องตากแดดเป็นเวลานานๆ เพื่อเติมการดูดซับรังสีได้มากขึ้น และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้สารเคมีได้

  • ครีมกันแดดทาหน้าสะท้อนรังสี (physical blocker)

เป็นครีมที่มีส่วนผสมหลักของ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide ส่วนมากจะมีเนื้อครีมเป็นสีขาว และมีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสี UV ได้เกือบทั้งหมด โดยจะทำหน้าที่สะท้อนและกระจายรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งหลังการทาครีมประเภทนี้จะมีเนื้อครีมบางส่วนถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำให้ครีมกันแดดประเภทนี้ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย

ข้อดีของครีมกันแดดทาหน้าสะท้อนรังสีคือ เป็นครีมที่ไม่สลายตัวง่ายเมื่อต้องสัมผัสกับแสงแดด จึงไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ และไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

  • ครีมกันแดดทาหน้าแบบผสม (Chemical – Physical Sunscreen)

ครีมกันแดดประเภทนี้จะมีส่วนผสมของสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับและสะท้อนรังสีเข้าไว้ด้วยกันได้ อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด พร้อมช่วยลดการเกิดความระคายเคืองของผิวแพ้ง่ายได้ดี ซึ่งเนื้อครีมจะเป็นสีขาว และครีมกันแดดแบบผสมนี้ได้รวมข้อดีต่างๆ และลดข้อด้อยของครีมกันแดดประเภทอื่นๆ ทำให้ครีมกันแดดแบบผสมเป็นที่นิยมใช้กันมากและยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า

การเลือกซื้อครีมกันแดดทาหน้า เพื่อช่วยในการป้องกันแสงแดดและลดปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวหน้า เมื่อต้องเจอกับแสงแดด โดยมีวิธีในการเลือกซื้อครีมกันแดดดังนี้

  1. เลือกครีมกันแดดทาหน้าที่มีค่า SPF และค่า PA

เป็นคุณสมบัติที่ต้องมีในครีมกันแดด โดยค่า SPF จะช่วยบอกระดับการป้องกันผิวจากรังสี UVB ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวเกิดเป็นผื่นแดง แสบร้อน หรือเป็นรอยไหม้ ซึ่งครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง จะสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้มาก โดยสามารถวัดระดับค่า SPF ได้ดังนี้

  • ค่า SPF 15 จะสามารถกรองรังสี UVB ได้ร้อยละ 93
  • ค่า SPF 30 จะสามารถกรองรังสี UVB ได้ร้อยละ 97
  • ค่า SPF 50 จะสามารถกรองรังสี UVB ได้ร้อยละ 98

ส่วนครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า 15 ยังสามารถป้องกันผิวจากรอยไหม้ได้ แต่จะไม่ป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง

ส่วนค่า PA จะใช้วัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA โดยค่า PA ที่สูงสุดคือ PA++++ ซึ่งค่า PA จะช่วยในการป้องกันปัญหาของผิวที่เกิดจากการได้รับรังสี UVA เช่น ผิวหน้าเกิดรอยเหี่ยวย่น มีริ้วรอยก่อนวัย หรือผิวแลดูหมองคล้ำ เกิดเป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำต่างๆ นั่นเอง

  1. เลือกครีมกันแดดทาหน้าตามสภาพผิวหน้า

ก่อนซื้อครีมกันแดดทาหน้า คุณต้องเช็คสภาพผิวหน้าของตนเองก่อนว่ามีสภาพผิวแบบไหน โดยเฉพาะกับผู้ที่มีสภาพผิวแพ้ง่าย จำเป็นต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ซึ่งถ้าคุณรู้สภาพของผิวหน้า จะเป็นผลดีต่อการเลือกใช้ครีมกันแดดได้มากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถดูครีมที่เหมาะกับสภาพผิวได้ที่รายละเอียดและคุณสมบัติบนฉลากบรรจุภัณฑ์ หรือบางยี่ห้อก็จะมีติดอยู่ที่ตัวภาชนะบรรจุครีมเลย การเลือกใช้ครีมกันแดดทาหน้าตามสภาพผิวจะช่วยทำให้ครีมมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีตามคุณสมบัติอย่างมีคุณภาพได้มากที่สุด

  1. เลือกครีมกันแดดทาหน้าที่กันน้ำได้

เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องทำงานในที่โล่งแจ้ง หรือผู้ที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะกับคนที่เหงื่อออกง่าย หรือหากต้องไปเล่นน้ำอย่างน้ำทะเลและสระว่ายน้ำ ครีมกันแดดชนิดนี้นอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดแล้ว ยังสามารถกันน้ำได้ด้วย ซึ่งผู้ใช้ครีมกันแดดแบบกันน้ำ ควรทาซ้ำบ่อยๆ อย่างน้อยทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความแรงของแสงแดด และประสิทธิภาพของครีมกันแดดที่เลือกใช้ด้วย

แนะนำการเลือกใช้ครีมกันแดดทาหน้า คุณควรเลี่ยงครีมที่มีสารผสมของกรด Para-Aminobenzoic Acid, กรด PABA หรือสารผสมอย่าง Benzephenones เช่น Dioxybenzone, Oxybenzone, Sulisobenzone รวมทั้งครีมกันแดดที่ผสมแอลกอฮอล์ น้ำหอม และวัตถุกันเสีย เพื่อเลี่ยงต่อผลเสียที่อาจมีผลกระทบต่อผิวหน้าของคุณ

10 อันดับ ครีมกันแดดทาหน้า ยี่ห้อไหนดี 2024

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
Eucerin Sun Dry Touch Oil Control Face SPF50+ PA++++
Jungsaemmool Masterclass Ampoule Sun
La Roche-Posay ANTHELIOS XL DRY TOUCH SPF 50+
L'Oreal Paris UV Defender Matt & Fresh SPF 50+ PA++++
Dr.Pong Hyaluronic Ultra Light Sunscreen with Aquatide SPF50 PA+++
MizuMi UV Water Defense SPF50+ PA++++
Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++
SPECTRABAN Ultra Protection SPF 50+ PA+++
Banana Boat Aqua Long Wearing Moisture UV Protection Sunscreen Lotion SPF50+ PA++++
CUTE PRESS UV Expert Protection Tone Up Sunscreen SPF 50+ PA++
ปริมาณ 50 ml. 50 ml. 50 ml. 50 ml. 25 ml. 40 g. 50 g. 20 ml. 50 ml. 30 g.
ค่า SPF SPF50+ SPF50+ SPF50+ SPF50+ SPF50 SPF50+ SPF50+ SPF50+ SPF50+ SPF50+
ค่า PA PA++++ PA++++ PA++++ PA+++ PA++++ PA++++ PA+++ PA++++ PA++
กันน้ำได้
ปราศจากแอลกอฮอล์
ปราศจากน้ำหอม
ผ่านการทดสอบ
เหมาะสำหรับ ผิวเป็นสิว, ผิวแพ้ง่าย ทุกสภาพผิว ผิวเป็นสิว, ผิวมัน ผิวผสม, ผิวมัน ผิวเป็นสิว, ผิวแห้งง่าย, ผิวแพ้ง่าย ทุกสภาพผิว ทุกสภาพผิว ทุกสภาพผิว ทุกสภาพผิว ทุกสภาพผิว
ราคาเริ่มต้นที่ 1,350 บาท 1,215 บาท 1,040 บาท 539 บาท 299 บาท 489 บาท 294 บาท 215 บาท 209 บาท 204 บาท
เช็คราคาล่าสุด
1
1. Eucerin Sun Dry Touch Oil Control Face SPF50+ PA++++
2
2. Jungsaemmool Masterclass Ampoule Sun
3
3. La Roche-Posay ANTHELIOS XL DRY TOUCH SPF 50+
4
4. L’Oreal Paris UV Defender Matt & Fresh SPF 50+ PA++++
5
5. Dr.Pong Hyaluronic Ultra Light Sunscreen with Aquatide SPF50 PA+++
6
6. MizuMi UV Water Defense SPF50+ PA++++
7
7. Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++
8
8. SPECTRABAN Ultra Protection SPF 50+ PA+++
9
9. Banana Boat Aqua Long Wearing Moisture UV Protection Sunscreen Lotion SPF50+ PA++++
10
10. CUTE PRESS UV Expert Protection Tone Up Sunscreen SPF 50+ PA++

แบรนด์ดัง ครีมกันแดด ยอดนิยม - เก็บโค้ดส่วนลด

เคาน์เตอร์แบรนด์

2024-01-10T08:17:38+07:00