สายเกมเมอร์หรือผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเกมพลาดไม่ได้กับ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง (Gaming Keyboard) เป็นคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ถูกดัดแปลงและพัฒนารูปแบบรูปทรง คุณสมบัติ รวมถึงฟังก์ชันเสริมต่างๆ เพื่อให้สายเกมเมอร์ใช้งานได้สะดวก ปุ่มกดนิ่ม แต่ตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ ทั้งยังมีความทนทานเป็นพิเศษ
แต่สำหรับผู้เล่นมือใหม่ อาจจะยังไม่ค่อยรู้และคุ้นเคยกับตัวปุ่มกดต่างๆ รวมถึงฟังก์ชันเสริมที่ควรมีของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการเลือก คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ให้สำหรับผู้ที่สนใจ และกำลังอยากจะได้คีย์บอร์ดดีๆ ไว้สำหรับการเล่นเกม มาเลือกคีย์บอร์ดที่ตรงตามสเปคของคุณ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับการเล่นเกมของคุณกันเถอะ | เรียบเรียงข้อมูลโดย pro4289.com
มาทำความรู้จักคีย์บอร์ดเกมมิ่ง
คีย์บอร์ดเกมมิ่ง (Gaming Keyboard) เป็นคีย์บอร์ดแบบ Mechanical keyboard ได้รับความนิยมมากสำหรับเกมเมอร์และคนที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มีความแข็งแรง ทนทาน ตอบสนองรวดเร็ว เป็นคีย์บอร์ดที่ไร้ซึ่งองค์ประกอบที่เป็นแผ่นยาง แต่ทำงานโดยการใช้กลไกลของปุ่มแต่ละปุ่มที่เรียกว่า Switch ในการเชื่อมต่อระหว่างคีย์แคป กับแผงวงจรแทน
เอกลักษณ์ของ Mechanical keyboard คือ รูปรสในการสัมผัสและเสียงในขณะที่คีย์แคปกระทบกับสวิตซ์ เพราะแต่ละสวิตซ์จะมีเสียงที่แตกต่างกัน ทำให้เพิ่มอรรถรสในการพิมพ์ให้มีความสนุกเพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งจุดเด่นคือตัวคีย์บอร์ดแบบ Mechanical ในส่วนของคีย์แคป (Keycap) สวิตซ์ (Switch) จะสามารถเปลี่ยนและปรับแต่งเองได้ ซึ่งจะมีการปรับแต่งไฟ RGB มาให้ในตัว โดยตัวสวิตช์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ Linear Switch และ Tactile Switch เพื่อเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับคีย์บอร์ดตามความชื่นชอบในแบบที่คุณต้องการ
เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับสวิตช์คีย์บอร์ด
การแบ่งกลุ่มของประเภทสวิตช์ต่างๆ ของคีย์บอร์ด Mechanical สามารถแบ่งได้ตามรสสัมผัสและอัตราการตอบสนองของสวิตช์ได้ 2 แบบใหญ่ๆ ได้แก่ Linear Switch กับ Tactile Switch โดยทั้งสองแบบนี้จะมีความแตกต่างและมีประเภทของสวิตช์ดังนี้
- Linear Switch
จะเป็นสวิตช์ที่มีแรงต้านคงที่ตลอดการกดใช้งาน มีจังหวะการกดเพียงหนึ่งจังหวะ ซึ่งจะมีสวิตช์ Cherry MX Black Switch (สีดำ) และ Cherry MX Red Switch (สีแดง) ที่ถูกรวมเอาไว้ในกลุ่มนี้
- Tactile Switch
จะเป็นสวิตช์ที่มีแรงต้านไม่คงที่โดยจะมีจังหวะการทำงานสองจังหวะคือจะมีช่วงต้านการกดและช่วงระยะที่ตัวปุ่มจะไม่ต้านการกด โดยกลุ่มนี้จะมี Cherry MX White Switch (สีขาว), Cherry MX Green Switch (สีเขียว),Cherry MX Blue Switch (สีน้ำเงิน) และ Cherry MX Brown Switch (สีน้ำตาล)
จากข้อมูลด้านบนแรงกดของปุ่มสวิตช์ Cherry MX จะสามารถวัดค่าเป็น cN หรือเซนตินิวตัน (Centinewtons) โดยที่แรงกด 1 กรัมจะเท่ากับ 0.981 เซนตินิวตันนั่นเอง
สีของสวิตช์มีความสำคัญอย่างไร
จะเห็นได้ว่าสวิตช์มีอยู่หลายสี ซึ่งสีของแต่ละสวิตช์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอยู่ที่จังหวะกับน้ำหนักในการออกแรงกด คือ
- Cherry MX Black Switch (สวิตช์สีดำ)
เป็นสวิตช์ที่มีน้ำหนักการกดที่ 60 เซนตินิวตัน โดยใช้แรงในการกดมากที่สุดของในกลุ่มสวิตช์ ปุ่มกดจะเป็นแบบ Linear ซึ่งเป็นสวิตช์ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบกดปุ่มผิดบ่อยๆ เพราะแรงต้านของปุ่มจะช่วยลดโอกาสกดผิดได้ แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้พิมพ์งานเพราะปุ่มกดให้ผัสสัมที่แข็งเกินไป
- Cherry MX Red Switch (สวิตช์สีแดง)
เป็นสวิตช์แบบ Linear มีจังหวะกดเพียงจังหวะเดียวเหมือนกับ Cherry MX Black Switch ส่วนน้ำหนักการกดอยู่ที่ 45 เซนตินิวตัน ซึ่งสามารถนำไปเล่นเกมหรือจะใช้ในการพิมพ์งานก็ได้
- Cherry MX White Switch (สวิตช์สีขาว)
เป็นสวิตช์แบบ Tactile คือมีจังหวะกดสองจังหวะกับน้ำหนักในการกดที่ 60-70 เซนตินิวตัน สวิตช์ Cherry MX White Switch นี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะด้วยน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับตัวสวิตช์สีดำแล้ว ยังทำให้คนที่ใช้งานเข้าใจผิดสลับกับตัวสวิตช์สีดำอยู่บ่อยๆ
- Cherry MX Blue Switch (สวิตช์สีน้ำเงิน)
เป็นสวิตช์แบบ Tactile โดยตัวปุ่มจะต้องการแรงกดที่ 50 เซนตินิวตัน และจะเริ่มทำงานเมื่อแรงกดเพิ่มขึ้นถึง 60 เซนตินิวตัน สวิตช์สีนี้เหมาะสำหรับนำไปใช้พิมพ์สัมผัสมากที่สุด แต่จะนำไปใช้เล่นเกมก็ได้ แต่อาจจะตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าต้องใช้ในการกดปุ่มแบบถี่ๆ รัวๆ ทั้งยังมีเสียงที่ดังชัดเจนจนอาจจะไปรบกวนผู้ใช้คนอื่นๆ ได้อีกด้วย
- Cherry MX Brown Switch (สวิตช์สีน้ำตาล)
สวิตช์สีน้ำตาลเป็นสวิตช์แบบ Tactile มีน้ำหนักการกดเริ่มต้นที่ 45 เซนตินิวตัน และเริ่มทำงานเมื่อน้ำหนักกดเพิ่มขึ้นถึง 55 เซนตินิวตัน ซึ่ง Cherry MX Brown Switch ได้ถูกแก้ไขให้มีเสียงกดระหว่างการใช้งานที่เบากว่า Cherry MX Blue Switch ได้ในระดับหนึ่ง
- Cherry MX Green Switch (สวิตช์สีเขียว)
เป็นสวิตช์ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่าสวิตช์สีน้ำเงินและสีดำ โดยสวิตช์จะเป็นแบบ Tactile มีเสียงแบบเดียวกับสวิตช์สีน้ำเงิน แต่ปุ่มกดจะค่อนข้างแข็ง มีน้ำหนักการกดอยู่ที่ 80 เซนตินิวตัน จึงเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่กดปุ่มค่อนข้างแรงและต้องการปุ่มที่ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้ดี
วิธีการเลือกคีย์บอร์ดเกมมิ่ง
1. เลือกจากขนาดของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง
ขนาดของคีย์บอร์ดต้องจัดวางเพื่อให้เข้ากันได้กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างถนัดมือและมีพื้นที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งขนาดของคีย์บอร์ดมีดังนี้
- คีย์บอร์ดเกมมิ่งขนาดปกติ
ตัวคีย์บอร์ดจะมีปุ่มตัวเลขพร้อมใช้งานได้อเนกประสงค์ โดยมีปุ่มกด 104 Keys ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดจากบรรดาคีย์บอร์ดทุกชนิด เพราะหาซื้อได้ง่ายและคุ้นเคยกับการใช้งานกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในส่วนของแป้นพิมพ์ตัวเลข (Numpad) ที่จะช่วยเสริมให้การใช้งานคีย์บอร์ดเกมมิ่งมีความหลากหลายยิ่งขึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วในการใช้เล่นเกมจะไม่ค่อยได้ใช้แป้นพิมพ์ตัวเลขก็ตาม แต่จะมีในบางเกมที่ยังต้องมีการพิมพ์ตัวเลขลงไปด้วย
- TKL (Tenkeyless Keyboard)
เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่ตัดแป้นพิมพ์ตัวเลขออกทั้งหมด จะมีจำนวนปุ่มกดบนคีย์บอร์ด 87 Keys ข้อดีของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง TKL คือช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดวางได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้เมาส์ให้กว้างขึ้น เหมาะสำหรับเกมเมอร์แนว FPS ที่มักจะใช้พื้นที่ในการลากและสะบัดเมาส์มากกว่าเกมแนวอื่นๆ
- คีย์บอร์ดขนาด 60%
เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีจำนวนปุ่มเหลืออยู่บนคีย์บอร์ดเพียง 60% หรือประมาณ 61 Keys ข้อดีคือมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก โดยส่วนใหญ่แล้วคีย์บอร์ดแบบนี้จะสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบแบบไร้สายอย่าง Wireless และ Bluetooth ได้อีกด้วย ทำให้ใช้งานได้ทั้งที่บ้าน หรือพกพาเอาไปใช้งานข้างนอกบ้านก็สะดวกมากๆ เช่นกัน
2. เลือกจากแบบสวิตช์และสีของสวิตช์
คีย์บอร์ดเกมมิ่งนิยมใช้สวิตช์แบบ Linear Switch และ Tactile Switch โดยสวิตซ์จะใช้สีเป็นตัวบอกคุณสมบัติของการใช้งานที่แตกต่างกันตามจังหวะและน้ำหนักในการออกแรงกดปุ่ม ดังนั้นควรศึกษาให้ดีก่อน เพราะสวิตช์แบบ Linear Switch และ Tactile Switch เหมาะกับการใช้งานและการเล่นเกมที่แตกต่างกัน และสีของสวิตซ์จะบอกได้ถึงความเหมาะสมต่อการเล่นเกมและการใช้พิมพ์งานว่าสีไหนควรใช้กับอะไรได้ดีและเหมาะสมที่สุด
3. เลือกจากคุณภาพของปุ่มกด
คุณภาพของปุ่มกดควรมีความทนทานต่อการรองรับแรงกดได้ดี เพราะในเกมบางประเภทอย่างเกมแนว FPS, MOBA และ MMO RPG จะใช้แรงในการกดปุ่มที่แรง และกดปุ่มแบบถี่รัว จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การสัมผัสของปุ่มจะต้องช่วยให้เล่นเกมเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีติดขัด ดังนั้นคุณภาพของปุ่มกดจึงมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกคีย์บอร์ดมาใช้งาน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างถนัดมือและมีสัมผัสของปุ่มกดที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ทั้งตัวปุ่มต้องมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกด เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมอย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินได้มากยิ่งขึ้น
4. เลือกจากโหมดการแสดงผลไฟ RGB
คีย์บอร์ดเกมมิ่งในปัจจุบันได้ติดตั้งระบบการแสดงผลไฟแบบ RGB ซึ่งถือเป็นการตกแต่งหลักของอุปกรณ์สายเกมมิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการเพิ่มสีสันให้คีย์บอร์ดดูสวยงาม และคุณยังสามารถเลือกปรับแต่งเองได้ตามที่ชื่นชอบ ดังนั้นคุณจึงควรมองหาคีย์บอร์ดรุ่นที่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการแสดงผลแสงไฟ RGB ด้วย เพื่อให้คุณสามารถปรับแต่งรูปแบบได้อย่างหลากหลาย และเพิ่มความสวยงามให้กับอุปกรณ์ของคุณไปด้วยในเวลาเดียวกัน
5. เลือกจากฟังก์ชันเสริมของคีย์บอร์ดเกมมิ่ง
คีย์บอร์ดเกมมิ่งจะมีฟังก์ชันเสริมเพื่อตอบโจทย์ในการเล่นเกมให้สนุกยิ่งขึ้น อย่างเกมที่จำเป็นต้องกดปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกันในระหว่างเล่นเกม จำเป็นต้องคำนึงถึงคีย์บอร์ดที่มีระบบ Anti-Ghosting และ N-Key Rollover เพราะถ้าหากกดหลายๆ ปุ่มพร้อมกันแล้วคีย์บอร์ดไม่ตอบสนองหรือเกิดอาการค้าง ก็อาจจะส่งผลถึงขั้นแพ้ชนะในเกมได้
ซึ่งระบบ Anti-Ghosting เป็นระบบที่ช่วยให้กดปุ่มได้หลายปุ่มพร้อมกัน เพื่อแก้ปัญหาคีย์บอร์ดค้าง โดยในคีย์บอร์ดเกมมิ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจำนวนปุ่ม Anti- Ghosting ไม่เท่ากัน บางรุ่นอาจกดได้ 18 ปุ่ม หรือมากกว่านั้น แต่ถ้ากดปุ่มมากกว่าที่กำหนดไว้ก็จะส่งผลให้คีย์บอร์ดค้างหรือรวนได้เหมือนเดิม ส่วน N-Key Rollover เป็นระบบที่มาแก้ปัญหา Anti-Ghosting อีกที เพราะจะสามารถกดปุ่มทั้งหมดบนคีย์บอร์ดได้พร้อมกันโดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับคีย์บอร์ดให้เห็น จึงช่วยให้เล่นเกมได้อย่างอุ่นใจและเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมี ฟังก์ชันมาโคร และ ฟังก์ชันแบล็คไลท์ ที่เสริมเข้ามาในคีย์บอร์ดเกมมิ่ง โดยฟังก์ชันมาโครจะเข้ามาช่วยลดเวลาในการใช้งานสกิลต่างๆ ซึ่งจะสามารถกำหนดค่าปุ่มต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของคุณได้ รวมไปถึงการกดคีย์ครั้งเดียวแต่เหมือนกดหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถตั้งค่าสกิลหรือชุดคำสั่งอื่นๆ ที่ใช้งานเป็นประจำไว้ในปุ่มบนคีย์บอร์ดที่ต้องการได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเกมเมอร์มากยิ่งขึ้น และสำหรับฟังก์ชันแบล็คไลท์ จะช่วยทำให้มองเห็นได้ง่ายแม้เล่นเกมในที่มืด ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเล่นเกมในสถานที่มืดๆ หรือเล่นในเวลากลางคืนนั่นเอง
10 อันดับ คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ยี่ห้อไหนดี 2024
1
|
2
|
3
|
4
|
5
|
6
|
7
|
8
|
9
|
10
|
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Glorious คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น GMMK PRO 75%
|
Logitech คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น G913
|
Corsair คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น K70 RGB PRO
|
Logitech คีย์บอร์ดเกมมิ่ง TKL | รุ่น G Pro X TKL
|
Razer คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น Blackwidow V3
|
ROYAL KLUDGE คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น RK84
|
SIGNO E-SPORT คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น KB-781
|
NUBWO คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น ALISTAR X33
|
Tsunami คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น MK-68
|
EGA คีย์บอร์ดเกมมิ่ง | รุ่น TYPE K8 RGB
|
|
ขนาด | 75% | 104 Keys | 104 Keys | TKL | 104 Keys | 75% | 104 Keys | 104 Keys | 60% | TKL |
ประเภทสวิตช์ | Glorious Fox Switch | GL Switch Clicky, Linear, Tactile | CHERRY® MX Blue | Tactile Switch | Green Switch | Mechanical Blue, Red, Brown Switch | Optical Mechanical Switch | Mechanical Blue, Red Switch | Mechanical Blue, Red, Brown Switch | Rubber Dome |
Backlight | RGB | LIGHTSYNC RGB | RGB | RGB | RGB | RGB | RGB | RGB | RBW RGB | Mini RGB |
N-Key Rollover | 84 Keys | 104 Keys | 104 Keys | 96 Keys | 104 Keys | 84 Keys | 104 Keys | 104 Keys | 68 Keys | 19 Keys |
Anti-Ghosting | 84 Keys | 104 Keys | 104 Keys | 96 Keys | 104 Keys | 84 Keys | 104 Keys | 104 Keys | 68 Keys | 25 Keys |
ระบบไร้สาย | Bluetooth, Wireless 2.4GHz | LIGHTSPEED, Bluetooth, USB | Bluetooth 5.0, Wireless 2.4GHz | |||||||
Macro | ||||||||||
Swappable | ||||||||||
รับประกันสินค้า | 2 ปี | 2 ปี | 2 ปี | 2 ปี | 2 ปี | 3 เดือน | 2 ปี | 2 ปี | 2 ปี | 2 ปี |
ราคาเริ่มต้นที่ | 14,490 บาท | 5,446 บาท | 5,590 บาท | 6,515 บาท | 3,490 บาท | 2,049 บาท | 1,690 บาท | 759 บาท | 599 บาท | 390 บาท |
เช็คราคาล่าสุด |