ปิงปองเป็นกีฬาที่อาจจะเล่นยากสำหรับใครหลายๆ คน แต่หากคุณได้ลองเล่นดูแล้วจะต้องรู้สึกชื่นชอบแน่ๆ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการเล่นกีฬาที่มีการโต้ตอบ แนะนำว่าการเล่นปิงปองก็เป็นกีฬาที่ให้ความสนุกและท้าทายไม่แพ้กีฬาอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าการเล่นปิงปองจะขาดอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ นั่นคือ ไม้ปิงปอง, ลูกปิงปอง รวมถึงโต๊ะปิงปอง แต่ในบทความนี้เราขอมาแนะนำการเลือกไม้ปิงปองให้กับคนที่สนใจอยากจะเริ่มเล่นปิงปอง หรือผู้ที่กำลังมองหาไม้ปิงปองที่ถูกใจและตรงกับสไตล์การเล่นของตนเอง พร้อมเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ไม้ปิงปองที่เหมาะกับการเล่นของคุณมากยิ่งขึ้น ไปดูกันเลยกับ 10 อันดับ ไม้ปิงปอง ยี่ห้อไหนดี | จัดอันดับโดย pro4289
ประเภทของไม้ปิงปอง
ไม้ปิงปองสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ ไม้ปิงปองสำเร็จรูป และไม้ปิงปองประกอบ โดยมีความแตกต่างกันดังนี้
- ไม้ปิงปองสำเร็จรูป
ไม้ปิงปองแบบสำเร็จรูปเป็นไม้ปิงปองที่เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งประกอบเอง จึงจะง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งไม้ประเภทนี้จะเหมาะกับผู้เล่นทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้เล่นมือใหม่ ผู้เล่นที่มีพื้นฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว หรือรวมถึงนักกีฬามืออาชีพ
- ไม้ปิงปองประกอบ
ไม้ปิงปองแบบประกอบ เป็นไม้ปิงปองที่จะต้องประกอบเอง โดยผู้ใช้ต้องหาตัวไม้และยางเข้ามาประกอบเอง ไม้ประเภทนี้จะเหมาะกับนักกีฬามืออาชีพ ซึ่งนักกีฬามืออาชีพโดยส่วนมากจะเลือกไม้ปิงปองแบบประกอบไม้เอง เพราะนักกีฬาจะทราบถึงความต้องการและรู้ว่ายางหรือไม้ประเภทใดที่เหมาะกับสไตล์การเล่นของตนเองมากที่สุด
ส่วนประกอบของไม้ปิงปอง
มารู้จักส่วนประกอบของไม้ปิงปอง ก่อนการเลือกซื้อมาใช้ เพราะส่วนประกอบต่างๆ มีผลต่อการเล่นหรือการตีลูก ไม่ว่าจะเป็น ตัวไม้, ยาง หรือกาวที่ใช้ในการประกอบทุกส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งส่วนประกอบของไม้ปิงปองมีดังนี้
1. ไม้ ไม้ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการเล่นปิงปอง เพราะมีไว้สำหรับจับและควบคุมทิศทางในการตีลูกปิงปอง ซึ่งการเลือกไม้ให้เข้ากับสไตล์การเล่นของผู้ใช้ จะช่วยเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพในการตีลูกสำหรับการเล่นตามความถนัดของผู้ใช้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
2.ยาง ยางเป็นส่วนประกอบสำคัญของไม้ปิงปอง เพราะยางในแต่ละด้านจะต้องมีสีที่แตกต่างกัน คือสีดำหนึ่งข้างและสีแดงอีกหนึ่งข้าง ซึ่งยางบนไม้ปิงปองจะแบ่งออกเป็น 3 อย่างคือ Pimple, Thicker และ Pip มีความแตกต่างกันดังนี้
- Pimple เป็นยางที่มีความนุ่ม ช่วยในการควบคุมการตีลูกปิงปอง
- Thicker เป็นยางที่ช่วยให้ผู้เล่นสไตล์เกมบุกตีได้ดีขึ้น
- Pip เป็นยางที่จะช่วยในสำหรับผู้เล่นที่เล่นสไตล์เกมตั้งรับ
3. กาว การเลือกใช้กาวเพื่อติดยางกับหน้าไม้ปิงปอง มีผลต่อความเร็วของลูกที่ตี ซึ่งกาวที่เหมาะในการใช้ประกอบไม้ปิงปองมากที่สุดคือกาวประเภทน้ำ ทั้งนี้ตัวกาวจะต้องไม่มีส่วนผสมของสารระเหยที่จะเข้าไปทำลายยางของไม้ได้
วิธีการจับไม้ปิงปอง
วิธีการจับไม้ปิงปอง สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นเล่นปิงปอง หรือผู้เล่นมือใหม่ อาจจะยังไม่รู้ หรือยังจับไม่ถูกต้อง ซึ่งการจับไม้ปิงปองจะแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ
- การจับไม้ปิงปองแบบสากล (Shakehand Style)
การจับแบบสากลเป็นการจับไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก จะมีวิธีการจับไม้ในแบบสากล ซึ่งการจับไม้แบบนี้จะสามารถควบคุมการตีโฟร์แฮนด์และแบคแฮนด์ได้ง่าย โดยสามารถเล่นได้ดีทั้งการรุกและการตั้งรับ แต่มีข้อเสียคือการเลือกช็อตตีจะค่อนข้างยากเมื่อลูกมาระหว่างกลางตัว
- การจับไม้ปิงปองแบบปากกา (Penhold)
การจับแบบปากกาเป็นการจับไม้ที่นิยมมากในเอเชีย หรือหลายๆ คนอาจเรียกกันว่า จีนสไตล์ หรือ ญี่ปุ่นสไตล์ ซึ่งการจับจะมีลักษณะที่คล้ายกับการจับปากกา ข้อดีคือ ง่ายต่อการฝึกฝนและควบคุมลูกปิงปอง จึงเหมาะสำหรับการเล่นแบบตั้งรับ แต่ข้อเสียคือจะตีแบคแฮนด์ได้ค่อนข้างยาก
วิธีการเลือกซื้อไม้ปิงปอง
1.เลือกไม้ปิงปองจากสไตล์การเล่นเป็นหลัก
สไตล์การเล่นปิงปองมีผลต่อการเลือกไม้ปิงปองเป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกไม้ปิงปองที่ไม่เข้ากับสไตล์การเล่นจะทำให้ฟอร์มการเล่นไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งสไตล์การเล่นจะมีทั้งแบบบุก แบบตั้งรับ หรือแบบกึ่งบุกกึ่งรับ
- ผู้เล่นสไตล์การเล่นแบบบุก
เป็นสไตล์ที่เน้นการรุกต้อนคู่แข่งให้จนมุม การเลือกไม้ปิงปองควรใช้ไม้ที่มีน้ำหนักเบา เพื่อความรวดเร็วและรุนแรงในการตี จะช่วยให้สามารถบุกหรือตีใส่คู่ต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้นโดยไม่เหนื่อยหรือเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ และมีความเด้งสูง โดยตัวไม้อาจสอดไส้วัสดุอื่นๆ เช่น คาร์บอนหรือไฟเบอร์ เพื่อเพิ่มความเด้งได้มากขึ้น
โดยไม้ที่เด้งดีจะช่วยผ่อนแรงของผู้เล่นได้ดี ไม่ต้องออกแรงตีลูกมากเกินไป ซึ่งค่า Offensive ที่ตัวไม้จะมีทั้ง Off-, Off, และ Off+ หรือบางรุ่นอาจใช้คำว่า Medium Fast และ Fast หากต้องการไม้ปิงปองที่ให้ความเด้งมากๆ แนะนำให้เลือกแบบ Off+ หรือ Fast ก็ได้
- ผู้เล่นสไตล์การเล่นแบบตั้งรับ
เป็นสไตล์ที่เน้นในการรับมือกับการบุกของคู่ต่อสู้ โดยมีกลยุทธ์เพื่อที่จะให้คู่ต่อสู้พลาดด้วยตนเอง หรือบุกจนหมดแรง เพื่อที่จะรอสวนกลับในภายหลัง ไม้ปิงปองสำหรับการเล่นสไตล์ตั้งรับจะต้องมีความเด้งที่ค่อนข้างจำกัด เพื่อไม่ให้ลูกที่รับกลับแรงมากจนอีกฝ่ายสามารถตอบโต้กลับได้ง่าย ดังนั้นไม้ปิงปองที่จะเหมาะสำหรับผู้เล่นสไตล์นี้ควรที่จะมีค่าเป็น Def หรือ Slow
- ผู้เล่นสไตล์กึ่งบุกกึ่งรับ
เป็นการเล่นสไตล์ผสมผสานระหว่างรุกตีใส่คู่แข่งกับการรับมือจากการบุกของคู่แข่ง หรือที่เรียกว่าสไตล์ All Round ดังนั้น ไม้ปิงปองที่เหมาะสำหรับสไตล์นี้ จะเป็นไม้ปิงปองที่มีความเด้งปานกลาง โดยปกติแล้วจะใช้ไม้ที่มีค่า All-, All, และ All+ หรือบางรุ่นอาจใช้คำว่า Medium นั่นเอง
2.เลือกจากประเภทของไม้ปิงปอง
สำหรับการเลือกไม้ปิงปองจากประเภท ถ้าคุณกำลังเริ่มเล่นหรือเป็นผู้เล่นมือใหม่แนะนำให้เลือกซื้อไม้ปิงปองสำเร็จรูปไปเลย เพราะใช้งานง่าย ไม้ต้องเสียเวลามาประกอบเอง แต่สำหรับผู้เล่นแบบมืออาชีพ ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้ไม้ปิงปองประกอบ เพราะผู้เล่นมืออาชีพจะรู้สไตล์การเล่นของตนเอง จึงนิยมเลือกซื้อเป็นส่วนประกอบแล้วนำมาประกอบปรับแต่งให้เข้ากับความถนัดและสไตล์การเล่นของตนเอง
3.เลือกไม้ปิงปองจากรูปแบบของด้ามจับ
รูปแบบด้ามจับของไม้ปิงปองจะมีรูปทรงแตกต่างกัน มีผลต่อความถนัดในการจับไม้ โดยทั่วไปรูปแบบด้ามจับของไม้ปิงปองจะมีอยู่ 5 แบบ และแบ่งตามลักษณะของการจับไม้ปิงปองได้ดังนี้
- การจับไม้ปิงปองแบบสากล เป็นการจับไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก โดยไม้ปิงปองสำหรับการจับแบบสากลหรือแบบ Shake Hand ได้มีการแบ่งตามลักษณะรูปแบบของด้ามไม้ 3 รูปแบบ ได้แก่
- ด้ามจับแบบ FL : หรือด้ามจับแบบหางปลา เป็นด้ามจับที่ล็อกหน้าไม้ได้ดี เหมาะสำหรับคนที่จับไม้ปิงปองค่อนข้างแน่น ไม่พลิกหน้าไม้บ่อย
- ด้ามจับแบบ ST : หรือด้ามจับแบบตรง เป็นด้ามจับที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถพลิกหน้าไม้ปิงปองได้อย่างรวดเร็ว
- ด้ามจับแบบ AN : เป็นด้ามจับที่ออกแบบให้มีความโค้งเว้าเข้ากับสรีระของมือ แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับด้ามจับแบบ FL และ แบบ ST
- การจับไม้ปิงปองแบบปากกา เป็นการจับไม้ที่นิยมในกลุ่มผู้เล่นทวีปเอเซียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม้ปิงปองที่ออกแบบด้ามจับมาสำหรับการจับรูปแบบนี้จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
- ด้ามจับแบบ CS : หรือด้ามจับแบบไม้จีน เป็นด้ามจับที่มีความสั้นกว่าด้ามจับไม้ปิงปองทั่วไป แต่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการสะบัดและพลิกข้อมือสำหรับผู้เล่นที่จับไม้ปิงปองแบบปากกา ซึ่งจะสามารถตีได้ทั้ง 2 ด้าน
- ด้ามจับแบบ JS : หรือด้ามจับแบบญี่ปุ่น เป็นด้ามจับที่มีจุดเด่น คือ ด้ามไม้จะนูนเหลี่ยมขึ้นมาด้านเดียวและหน้าไม้จะดูยาวกว่าปกติ แต่จะสามารถตีได้ด้านเดียวเท่านั้น
10 อันดับ ไม้ปิงปอง ยี่ห้อไหนดี 2024
1
|
2
|
3
|
4
|
5
|
6
|
7
|
8
|
9
|
10
|
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ไม้ปิงปอง BUTTERFLY | รุ่น Timo Boll ALC
|
ไม้ปิงปอง YASAKA | รุ่น MALIN CARBON
|
ไม้ปิงปอง STIGA | รุ่น CLIPPER M
|
ไม้ปิงปอง Stiga | รุ่น 6 Star
|
ไม้ปิงปอง DR.NEUBAUER | รุ่น BARRICADE DEF
|
ไม้ปิงปอง Grand Sport | รุ่น stayer 3000
|
ไม้ปิงปอง Yinhe | รุ่น T-11s
|
ไม้ปิงปอง Gewo Rave Speed | รุ่น Loki Rxton I
|
ไม้ปิงปอง BUTTERFLY | รุ่น STAYER 1200
|
ไม้ปิงปอง HUIESON | รุ่น 3 ดาว
|
|
ประเภท | ไม้ปิงปองสำเร็จรูป | ไม้ปิงปองประกอบ | ไม้ปิงปองประกอบ | ไม้ปิงปองสำเร็จรูป | ไม้ปิงปองประกอบ | ไม้ปิงปองสำเร็จรูป | ไม้ปิงปองประกอบ | ไม้ปิงปองประกอบ | ไม้ปิงปองสำเร็จรูป | ไม้ปิงปองสำเร็จรูป |
วัสดุที่ใช้ทำ | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น + คาร์บอน 2 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น + คาร์บอน 2 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 7 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น + คาร์บอน 2 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 7 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น + คาร์บอน 2 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 5 ชั้น | ไม้ธรรมชาติ 7 ชั้น |
รูปแบบด้ามจับ | FL, AN, ST | ST, FL | FL | FL, CS | ST, FL | FL | FL | FL | FL | FL |
สไตล์การเล่น | OFF | OFF | OFF | OFF | DEF | ALL | OFF | ALL | ALL | ALL |
ราคาเริ่มต้นที่ | 5,900 บาท | 2,280 บาท | 2,260 บาท | 1,395 บาท | 1,650 บาท | 810 บาท | 720 บาท | 555 บาท | 399 บาท | 264 บาท |
เช็คราคาล่าสุด |