- ไม้แบดมินตัน VICTOR รุ่น ARS-100X 4U
- ไม้แบดมินตัน KAWASAKI รุ่น UP-0182
- ไม้แบดมินตัน VICTOR รุ่น TK-HMR
- ไม้แบดมินตัน YONEX รุ่น ASTROX 22 LT
- ไม้แบดมินตัน VS รุ่น NanoPower 7900
- ไม้แบดมินตัน Alpsport DF 8U Max 30LBS
- ไม้แบดมินตัน ALP รุ่น XHP
- ไม้แบดมินตัน Felet รุ่น TJ-Power Power
- ไม้แบดมินตัน FBT รุ่น 3.7s
- ไม้แบดมินตัน Grand Sport รุ่น ST
แบดมินตันเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบในการเล่นแบดมินตัน เพื่อใช้ในการออกกำลังกาย หรือบางคนก็ตีแบดเป็นมืออาชีพ ซึ่งในบทความนี้เราอยากจะมาแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มเล่นแบดมินตันมือใหม่หรือผู้ที่กำลังมองหาไม้แบดดีๆ ที่จะเหมาะกับการใช้งานหรือการตีแบดในแบบของคุณ
ในปัจจุบันมีการพัฒนาไม้แบดแบบใหม่ออกมาเรื่อยๆ โดยมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อย่างเช่น ไม้แบดที่เน้นความเร็วและมีความยืดหยุ่นสูง หรือไม้แบดที่เน้นในการบุกโจมตี เป็นต้น หากคุณกำลังมองหาไม้แบดมินตัน บทความนี้เราได้คัดสรร 10 อันดับ ไม้แบด ยี่ห้อไหนดี ที่คนนิยมใช้ มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยถึงหลักพัน พร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเทคนิคดีๆ ในการเลือกใช้ไม้แบดมินตัน รวมถึงเรื่องของการขึ้นเอ็นไม้แบด สำหรับคนที่อยากเลือกใช้เส้นเอ็นที่เหมาะกับการใช้งานของตนเอง เพื่อเพิ่มความคล่องมือ ไปดูกันเลย | จัดอันดับโดย pro4289
มารู้จักชนิดของไม้แบด
ชนิดของไม้แบดมีผลต่อการเล่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเลือกชนิดของไม้แบดจะต้องพิจารณาให้ดีว่าคุณต้องการให้คุณสมบัติของไม้แบดเป็นแบบไหน รวมถึงสไตล์การเล่นแบดมินตันของคุณด้วย โดยไม้แบดจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- ไม้เบา เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นท่าทาง ชอบความคล่องตัว และเน้นความแม่นยำ เน้นเล่นหน้าตาข่าย และเน้นรับ ควรเลือกใช้ไม้เบา เพราะให้ความคล่องตัวและช่วยในการตีสวิงลูกได้ดี
- ไม้หนัก จะเหมาะสำหรับผู้เล่นที่เน้นลูกตบ เน้นการบุก มีน้ำหนักและมีทิศทางที่ชัดเจนแน่นอน
จุดศูนย์ถ่วงของไม้แบด
จุดศูนย์ถ่วง (Balance Point) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกใช้ไม้แบด จุดศูนย์ถ่วงเป็นจุดที่ผู้เล่นสามารถบาลานซ์กับไม้แบดบนนิ้วมือได้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่การสัมผัสของไม้แบดแต่ละอันจะมีความแตกต่างกันออกไป โดยการแบ่งไม้แบดตามจุดศูนย์ถ่วง สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- ไม้หัวเบา (Head-Light Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 270-280 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับผู้เล่นที่เน้นการตีลูกเร็ว จะช่วยให้สามารถบังคับลูกได้ง่าย มีความคล่องตัว และควบคุมทิศทางได้ดี
- ไม้หัวหนักปานกลาง (Even-Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 275-285 มิลลิเมตร จุดศูนย์ถ่วงของไม้หัวหนักปานกลางจะอยู่ตรงกลางของไม้แบด เหมาะสำหรับผู้เล่นทั้งเกมรุก-เกมรับ
- ไม้หัวหนัก (Head-Heavy Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 285-295 มิลลิเมตร หรือมากกว่า ไม้แบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ชอบตีลูกแบบแรงๆ เน้นการรุกบุกโจมตี
การขึ้นเอ็นไม้แบด
การขึ้นเอ็นไม้แบดเป็นการปรับระดับเอ็น เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและรูปแบบการเล่นของผู้ใช้ไม้แบด การขึ้นเอ็นไม้แบดโดยทั่วไปสำหรับผู้หญิงจะอยู่ที่ 18-22 ปอนด์ สำหรับผู้ชายจะอยู่ที่ 21-24 ปอนด์ โดยการขึ้นเอ็นที่ปอนด์สูงๆ จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้แรงในการตบเยอะ ควบคุมลูกขนไก่ได้ดี แต่จะใช้กำลังแขนเยอะขึ้นตามไปด้วย และเช่นเดียวหากเอ็นที่เบอร์ปอนด์น้อย จะทำให้การตีง่ายขึ้น ทุ่นแรงได้เยอะ แต่การควบคุมลูกขนไก่ก็จะยากกว่าแบบเบอร์ปอนด์สูง การขึ้นเอ็นไม้แบดสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระดับ มีดังต่อไปนี้
- การขึ้นเอ็น ระดับต่ำ จะมีระดับที่ต่ำกว่า 20 ปอนด์ ซึ่งในระดับนี้เอ็นจะมีความหย่อน ทำให้ควบคุมลูกและทิศทางได้ยาก แต่มีข้อดีคือมีแรงสปริงดี
- การขึ้นเอ็น ระดับกลางต่ำ จะมีระดับอยู่ที่ 21-23 ปอนด์ เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ เพราะการขึ้นเอ็นระดับนี้มีแรงสปริงของหน้าไม้และการควบคุมลูกได้ค่อนข้างดี
- การขึ้นเอ็น ระดับกลาง จะมีระดับอยู่ที่ 23-25 ปอนด์ ซึ่งการตีในระดับนี้ ผู้เล่นจะรู้สึกว่าการตีมีความแข็งขึ้น แรงสปริงดี และจะเริ่มสังเกตถึงความเด้งเมื่อลูกสัมผัสกับเอ็น
- การขึ้นเอ็น ระดับกลางสูง เป็นการขึ้นเอ็นที่มีระดับอยู่ที่ 25-27 ปอนด์ จะทำให้แรงสปริงลดลง ซึ่งช่วยให้เกิดความแม่นยำในการออกแรง ความแข็งจะมากขึ้น ช่วยให้ควบคุมลูกได้ง่ายและลูกจะไปตามแรงที่ส่งออกไป เหมาะสำหรับคนที่เน้นการเล่นลูกหยอด
- การขึ้นเอ็น ระดับสูง จะมีระดับอยู่ที่ 28 ปอนด์ขึ้นไป ซึ่งในระดับนี้จะเหมาะกับผู้เล่นมืออาชีพ เพราะจะช่วยเพิ่มความแข็งของหน้าไม้แบด มีการสะท้อนกลับที่รวดเร็ว ควบคุมง่าย แต่ข้อเสียคือไม้แบดจะเกิดการชำรุดง่ายมากยิ่งขึ้น
วิธีการเลือกไม้แบดมินตัน
1.เลือกจากด้ามจับของไม้แบด
การเลือกด้ามจับของไม้แบดให้เหมาะกับการใช้งาน จะช่วยให้การเล่นแบดมินตันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเลือกด้ามจับที่ใช้ในการเล่นแบดจะแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
- Replacement Grip เป็นด้ามจับที่มีความหนามากกว่าด้ามจับเดิมเล็กน้อย สามารถนำมาเปลี่ยนกับด้ามจับเดิมได้ มักทำมาจากวัสดุ PU มีคุณสมบัติซึมซับเหงื่อและแรงเสียดทานได้ดี
- Overgrip เป็นด้ามจับที่มีลักษณะบาง สามารถนำมาพันกับด้ามเดิมของไม้แบด หรือพันรอบ Replacement Grip เพื่อช่วยให้ด้ามจับมีความหนาขึ้น
- Towel Grip คือ ด้ามจับที่มีความหนาและหนัก ทำมาจากคอตตอน มีคุณสมบัติช่วยในการซึมซับเหงื่อได้ดี แต่ข้อเสียคือ ต้องเปลี่ยนบ่อย ซึ่งการเลือกใช้ Grip แต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับการใช้งานและสไตล์การเล่น อย่างเช่น ผู้เล่นที่ต้องการเล่นแบบ Control Play ด้ามจับจะต้องมีความบาง เพื่อการควบคุมที่ง่าย และสำหรับผู้เล่นแบบ Power Play ที่ต้องใช้แรงในการตี จะเหมาะกับด้ามแบดที่หนา เพราะการจับต้องแน่นและถนัดมือมากขึ้น
2.เลือกจากระดับความแข็งของก้านไม้แบด
การเลือกไม้แบดจากระดับความแข็งของก้านไม้ จะช่วยเพิ่มความคล่องตัว และจับได้ถนัดมือมากขึ้น โดยทั่วไประดับความแข็งของก้านไม้แบดจะมีอยู่ 3 ระดับ ดังนี้
- Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Soft หรือ Super flex เหมาะที่จะเป็นไม้รับหรือวางลูก ก้านไม้ยืดหยุ่นได้ดี มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้ได้ไวและแรง ช่วยเสริมให้การตีส่งลูกไปท้ายคอร์ด การรับลูกตบ และการรับโต้ตอบลูกแบบฉับไว โดยเฉพาะลูกดาด
- Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Medium หรือ Regular ก้านแข็งปานกลาง หรือปกติ เหมาะที่จะเป็นไม้รุกและรับในตัว ซึ่งจะช่วยเสริมให้การตีลูกจากหน้าไม้ได้ดี การวาดหน้าไม้ทำได้คล่องตัว เหมาะกับการเล่นทั้งรุกและรับ
- Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Stiff หรือExtra stiff ก้านแข็ง เหมาะที่จะเป็นไม้รุก เพราะช่วยให้การส่งลูกโต้กลับได้แรงอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางได้ดี เช่นการเล่นลูกตบ ลูกหยอดหน้าข่าย หรือลูกครึ่งตบครึ่งตัด จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นแบบรุก
3.เลือกจากน้ำหนักของไม้แบด
น้ำหนักของไม้แบดมีผลต่อความคล่องตัว ความเข้ากับมือ การออกท่าทาง และการเคลื่อนไหว ซึ่งการเลือกจะดูจากความแข็งแรงของผู้เล่นและสไตล์การเล่น โดยน้ำหนักของไม้แบดจะใช้หน่วยเป็น U ซึ่งตัวเลขยิ่งน้อยเท่าไร น้ำหนักก็จะยิ่งมากขึ้น ผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นหรือสำหรับมือใหม่ควรเริ่มจากน้ำหนักเบาๆ ประมาณ 3U ซึ่งจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 85-89 กรัม เพราะง่ายต่อการควบคุม และช่วยลดโอกาสของการบาดเจ็บจากการเล่น น้ำหนักของไม้แบดจะแยกได้คร่าวๆ ดังนี้
- 2U (90-94g.) : หนัก (Heavy weight)
- 3U (85-89g.) : หนักปานกลาง (Medium weight)
- 4U (80-84g.) : เบา (Light weight)
- 5U (75-79g.) : เบามาก (Ultralight weight)
10 อันดับ ไม้แบด ยี่ห้อไหนดี 2024
1
|
2
|
3
|
4
|
5
|
6
|
7
|
8
|
9
|
10
|
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ไม้แบดมินตัน VICTOR | รุ่น ARS-100X 4U
|
ไม้แบดมินตัน KAWASAKI | รุ่น UP-0182
|
ไม้แบดมินตัน VICTOR | รุ่น TK-HMR
|
ไม้แบดมินตัน YONEX | รุ่น ASTROX 22 LT
|
ไม้แบดมินตัน VS | รุ่น NanoPower 7900
|
ไม้แบดมินตัน Alpsport | DF 8U Max 30LBS
|
ไม้แบดมินตัน ALP | รุ่น XHP
|
ไม้แบดมินตัน Felet | รุ่น TJ-Power Power
|
ไม้แบดมินตัน FBT | รุ่น 3.7s
|
ไม้แบดมินตัน Grand Sport | รุ่น ST
|
|
ความยาว | 67.5 cm. | 67.5 cm. | 67.5 cm. | 66.5 cm. | 67.5 cm. | 67.5 cm. | 68 cm. | 66 cm. | 66 cm. | |
น้ำหนัก | 4U | 1U | 4U, 5U | 63 g. | 5U | 8U, 62 ± 2g. | 6U (72g.) | 4U, 82 ± 2g. | 96 g. | |
วัสดุที่ใช้ทำก้านไม้ | High Resilience Modulus Graphite+PYROFIL+6.8 SHAFT | โลหะผสมอลูมิเนียมเหล็ก | Graphite+ Resin +7.0 SHAFT | High Modulus Graphite + Nanomesh NEO | Japan High Modulus Graphite | Carbon Fiber T1100 | Carbon Fiber | Carbon Nano | อลูมิเนียม | เหล็ก |
วัสดุที่ใช้ทำเฟรม | High Resilience Modulus Graphite+Nano Fortify TR+ | อลูมิเนียมอัลลอยด์ | Graphite+Resin | High Modulus Graphite/Tungste | Japan High Modulus Graphite | Carbon Fiber T1100 | Carbon Fiber | Carbon Nano | อลูมิเนียม | เหล็ก |
ไม้แบดมินตัน VICTOR รุ่น ARS-100X 4U
- กลุ่มไม้ประเภท SPEED ความเร็วเป็นก้าวแรกสู่ชัยชนะ
- วัสดุคุณภาพสูงเพื่อให้ได้ความเร็วและพลังงานที่น่าอัศจรรย์
- ช่วยลดการสูญเสียความตึงเอ็นและยืดอายุของเอ็น
- มีประสิทธิภาพความยืดหยุ่นสูงยอดเยี่ยม
- มีน้ำหนักเบาและสามารถรองรับการสวิงได้เร็วขึ้น
- ช่วยให้สามารถจับโอกาสที่สำคัญได้
- เหมาะสำหรับผู้เล่นที่แสวงหาและพึ่งพาความเร็ว
ไม้แบดมินตัน KAWASAKI รุ่น UP-0182
- ไม้แบดทำจากโลหะผสมอลูมิเนียมเหล็ก
- วัสดุมั่นคงและเชื่อถือได้ว่าไม่เสียรูปได้ง่าย
- ก้านทำจากเหล็กแท่งบาง เส้นผ่านศูนย์กลาง 7.0 มม.
- ก้านไม้แข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน
- ฝาครอบกรวยต้านทานลมต่ำ ปรับปรุงความเร็วในการสวิง
- ด้ามจับทำจากไม้เนื้อแข็ง สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
ไม้แบดมินตัน VICTOR รุ่น TK-HMR
- กลุ่มไม้ประเภท POWER รองรับการส่งมอบการตบที่รุนแรง
- มีความแข็งแกร่งและให้กำลังมากยิ่งขึ้น
- ออกแบบรูปทรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มความมั่นคงและต่อต้านแรงบิด
- มีความยืดหยุ่น แต่ยังให้ความสามารถในการควบคุมที่มั่นคง
- ถ่ายโอนพลังงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำในการตี
- เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการใช้พลังงานสูงสุดในเกม
ไม้แบดมินตัน YONEX รุ่น ASTROX 22 LT
- ไม้แบดมินตัน ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด
- หนักเพียง 3F size หรือประมาณ 63 กรัม
- ช่วยในการเหวี่ยงไม้ได้อย่างรวดเร็วและทรงพลัง
- เป็นรุ่นที่เน้นการบุก ไว้ใช้ตบอย่างรุ่นแรงและต่อเนื่อง
ไม้แบดมินตัน VS รุ่น NanoPower 7900
- ไม้แบดมินตัน น้ำหนักเบา จับสบายมือ
- ไม้รุ่นนี้ตีลูกโต้กลับได้ดี ตีลูกเซฟได้สบายมาก
- เล่นแบบผ่อนแรง เล่นแบดได้ระยะยาวๆ
- เล่นเกมบุกได้ ถึงไม้จะเบา แต่บาลานซ์ที่มากถึง 300 mm.
- ช่วยให้ลูกตบมีความแรง เล่นสนุก สะใจแน่นอน
ไม้แบดมินตัน Alpsport รุ่น DF 8U Max 30LBS
- ไม้แบดมินตัน ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ T1100
- ให้ความทนทานและเบาเป็นพิเศษ
- น้ำหนักเบา ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ
- เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เล่นมืออาชีพ
ไม้แบดมินตัน ALP รุ่น XHP
- ไม้แบดมินตัน ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
- แข็งแรง ทนทาน มีความยืดหยุ่นสูง
- ควบคุมลูกได้อย่างแม่นยำ ทั้งการบุกและการป้องกัน
- เหมาะสมสำหรับมือสมัครเล่น ผู้เล่นระดับกลาง และระดับสูง
ไม้แบดมินตัน Felet รุ่น TJ-Power Power
- เฟรมลู่ลมตัดอากาศ Aero Dynamic Frame
- เร่งสปีดหน้าไม้กระทบลูกได้รวดเร็ว เพิ่มแรงปะทะ
- คอไม้เป็นเอกลักษณ์ฉพาะ รูปทรงตัว Y ที่กว้างมากขึ้น
- ช่วยรักษาการบิดตัวของหน้าไม้และก้านได้เป็นอย่างดี
- ลักษณะของเฟรมด้านข้างมีการเซาะร่อง
- เพื่อช่วยรักษาระดับความตึงของเอ็นให้คงที่ได้อย่างยาวนาน
ไม้แบดมินตัน FBT รุ่น 3.7s
- ไม้แบดมินตัน เฟรมและก้านไม้ทำจากอลูมิเนียม
- มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
- ไม่มีข้อต่อ สปริงดีขึ้น มีน้ำหนักเบา
- ใช้เอ็นแบบ hi-sheep เหนียว ทนทาน เด้งได้ดี
ไม้แบดมินตัน Grand Sport รุ่น ST
- ไม้แบดมินตัน เฟรมและก้านไม้ทำจากเหล็ก
- จับถนัดมือ เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว
- แข็งแรง ทนทาน และมีความยืดหยุ่น
- สายเอ็น เหนียว ตึง ไม่หย่อนง่าย