แบดมินตันเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบในการเล่นแบดมินตัน เพื่อใช้ในการออกกำลังกาย หรือบางคนก็ตีแบดเป็นมืออาชีพ ซึ่งในบทความนี้เราอยากจะมาแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มเล่นแบดมินตันมือใหม่หรือผู้ที่กำลังมองหาไม้แบดดีๆ ที่จะเหมาะกับการใช้งานหรือการตีแบดในแบบของคุณ

ในปัจจุบันมีการพัฒนาไม้แบดแบบใหม่ออกมาเรื่อยๆ โดยมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อย่างเช่น ไม้แบดที่เน้นความเร็วและมีความยืดหยุ่นสูง หรือไม้แบดที่เน้นในการบุกโจมตี เป็นต้น หากคุณกำลังมองหาไม้แบดมินตัน บทความนี้เราได้คัดสรร 10 อันดับ ไม้แบด ยี่ห้อไหนดี ที่คนนิยมใช้ มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยถึงหลักพัน พร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเทคนิคดีๆ ในการเลือกใช้ไม้แบดมินตัน รวมถึงเรื่องของการขึ้นเอ็นไม้แบด สำหรับคนที่อยากเลือกใช้เส้นเอ็นที่เหมาะกับการใช้งานของตนเอง เพื่อเพิ่มความคล่องมือ ไปดูกันเลย | จัดอันดับโดย pro4289

มารู้จักชนิดของไม้แบด

ชนิดของไม้แบดมีผลต่อการเล่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเลือกชนิดของไม้แบดจะต้องพิจารณาให้ดีว่าคุณต้องการให้คุณสมบัติของไม้แบดเป็นแบบไหน รวมถึงสไตล์การเล่นแบดมินตันของคุณด้วย โดยไม้แบดจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

  • ไม้เบา เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นท่าทาง ชอบความคล่องตัว และเน้นความแม่นยำ เน้นเล่นหน้าตาข่าย และเน้นรับ ควรเลือกใช้ไม้เบา เพราะให้ความคล่องตัวและช่วยในการตีสวิงลูกได้ดี
  • ไม้หนัก จะเหมาะสำหรับผู้เล่นที่เน้นลูกตบ เน้นการบุก มีน้ำหนักและมีทิศทางที่ชัดเจนแน่นอน

จุดศูนย์ถ่วงของไม้แบด

จุดศูนย์ถ่วง (Balance Point) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกใช้ไม้แบด จุดศูนย์ถ่วงเป็นจุดที่ผู้เล่นสามารถบาลานซ์กับไม้แบดบนนิ้วมือได้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่การสัมผัสของไม้แบดแต่ละอันจะมีความแตกต่างกันออกไป โดยการแบ่งไม้แบดตามจุดศูนย์ถ่วง สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

  • ไม้หัวเบา (Head-Light Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 270-280 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับผู้เล่นที่เน้นการตีลูกเร็ว จะช่วยให้สามารถบังคับลูกได้ง่าย มีความคล่องตัว และควบคุมทิศทางได้ดี 
  • ไม้หัวหนักปานกลาง (Even-Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 275-285 มิลลิเมตร จุดศูนย์ถ่วงของไม้หัวหนักปานกลางจะอยู่ตรงกลางของไม้แบด เหมาะสำหรับผู้เล่นทั้งเกมรุก-เกมรับ
  • ไม้หัวหนัก (Head-Heavy Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 285-295 มิลลิเมตร หรือมากกว่า ไม้แบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ชอบตีลูกแบบแรงๆ เน้นการรุกบุกโจมตี

การขึ้นเอ็นไม้แบด

การขึ้นเอ็นไม้แบดเป็นการปรับระดับเอ็น เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและรูปแบบการเล่นของผู้ใช้ไม้แบด การขึ้นเอ็นไม้แบดโดยทั่วไปสำหรับผู้หญิงจะอยู่ที่ 18-22 ปอนด์ สำหรับผู้ชายจะอยู่ที่ 21-24 ปอนด์ โดยการขึ้นเอ็นที่ปอนด์สูงๆ จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้แรงในการตบเยอะ ควบคุมลูกขนไก่ได้ดี แต่จะใช้กำลังแขนเยอะขึ้นตามไปด้วย และเช่นเดียวหากเอ็นที่เบอร์ปอนด์น้อย จะทำให้การตีง่ายขึ้น ทุ่นแรงได้เยอะ แต่การควบคุมลูกขนไก่ก็จะยากกว่าแบบเบอร์ปอนด์สูง การขึ้นเอ็นไม้แบดสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระดับ มีดังต่อไปนี้

  • การขึ้นเอ็น ระดับต่ำ จะมีระดับที่ต่ำกว่า 20 ปอนด์ ซึ่งในระดับนี้เอ็นจะมีความหย่อน ทำให้ควบคุมลูกและทิศทางได้ยาก แต่มีข้อดีคือมีแรงสปริงดี
  • การขึ้นเอ็น ระดับกลางต่ำ จะมีระดับอยู่ที่ 21-23 ปอนด์ เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ เพราะการขึ้นเอ็นระดับนี้มีแรงสปริงของหน้าไม้และการควบคุมลูกได้ค่อนข้างดี
  • การขึ้นเอ็น ระดับกลาง จะมีระดับอยู่ที่ 23-25 ปอนด์ ซึ่งการตีในระดับนี้ ผู้เล่นจะรู้สึกว่าการตีมีความแข็งขึ้น แรงสปริงดี และจะเริ่มสังเกตถึงความเด้งเมื่อลูกสัมผัสกับเอ็น
  • การขึ้นเอ็น ระดับกลางสูง เป็นการขึ้นเอ็นที่มีระดับอยู่ที่ 25-27 ปอนด์ จะทำให้แรงสปริงลดลง ซึ่งช่วยให้เกิดความแม่นยำในการออกแรง ความแข็งจะมากขึ้น ช่วยให้ควบคุมลูกได้ง่ายและลูกจะไปตามแรงที่ส่งออกไป เหมาะสำหรับคนที่เน้นการเล่นลูกหยอด
  • การขึ้นเอ็น ระดับสูง จะมีระดับอยู่ที่ 28 ปอนด์ขึ้นไป ซึ่งในระดับนี้จะเหมาะกับผู้เล่นมืออาชีพ เพราะจะช่วยเพิ่มความแข็งของหน้าไม้แบด มีการสะท้อนกลับที่รวดเร็ว ควบคุมง่าย แต่ข้อเสียคือไม้แบดจะเกิดการชำรุดง่ายมากยิ่งขึ้น

วิธีการเลือกไม้แบดมินตัน

1.เลือกจากด้ามจับของไม้แบด

การเลือกด้ามจับของไม้แบดให้เหมาะกับการใช้งาน จะช่วยให้การเล่นแบดมินตันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเลือกด้ามจับที่ใช้ในการเล่นแบดจะแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้

  • Replacement Grip เป็นด้ามจับที่มีความหนามากกว่าด้ามจับเดิมเล็กน้อย สามารถนำมาเปลี่ยนกับด้ามจับเดิมได้ มักทำมาจากวัสดุ PU มีคุณสมบัติซึมซับเหงื่อและแรงเสียดทานได้ดี
  • Overgrip เป็นด้ามจับที่มีลักษณะบาง สามารถนำมาพันกับด้ามเดิมของไม้แบด หรือพันรอบ Replacement Grip เพื่อช่วยให้ด้ามจับมีความหนาขึ้น 
  • Towel Grip คือ ด้ามจับที่มีความหนาและหนัก ทำมาจากคอตตอน มีคุณสมบัติช่วยในการซึมซับเหงื่อได้ดี แต่ข้อเสียคือ ต้องเปลี่ยนบ่อย ซึ่งการเลือกใช้ Grip แต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับการใช้งานและสไตล์การเล่น อย่างเช่น ผู้เล่นที่ต้องการเล่นแบบ Control Play ด้ามจับจะต้องมีความบาง เพื่อการควบคุมที่ง่าย และสำหรับผู้เล่นแบบ Power Play ที่ต้องใช้แรงในการตี จะเหมาะกับด้ามแบดที่หนา เพราะการจับต้องแน่นและถนัดมือมากขึ้น

2.เลือกจากระดับความแข็งของก้านไม้แบด

การเลือกไม้แบดจากระดับความแข็งของก้านไม้ จะช่วยเพิ่มความคล่องตัว และจับได้ถนัดมือมากขึ้น โดยทั่วไประดับความแข็งของก้านไม้แบดจะมีอยู่ 3 ระดับ ดังนี้

  • Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Soft หรือ Super flex เหมาะที่จะเป็นไม้รับหรือวางลูก ก้านไม้ยืดหยุ่นได้ดี มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้ได้ไวและแรง ช่วยเสริมให้การตีส่งลูกไปท้ายคอร์ด การรับลูกตบ และการรับโต้ตอบลูกแบบฉับไว โดยเฉพาะลูกดาด
  • Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Medium หรือ Regular ก้านแข็งปานกลาง หรือปกติ เหมาะที่จะเป็นไม้รุกและรับในตัว ซึ่งจะช่วยเสริมให้การตีลูกจากหน้าไม้ได้ดี การวาดหน้าไม้ทำได้คล่องตัว เหมาะกับการเล่นทั้งรุกและรับ
  • Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Stiff หรือExtra stiff ก้านแข็ง เหมาะที่จะเป็นไม้รุก เพราะช่วยให้การส่งลูกโต้กลับได้แรงอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางได้ดี เช่นการเล่นลูกตบ ลูกหยอดหน้าข่าย หรือลูกครึ่งตบครึ่งตัด จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นแบบรุก

3.เลือกจากน้ำหนักของไม้แบด

น้ำหนักของไม้แบดมีผลต่อความคล่องตัว ความเข้ากับมือ การออกท่าทาง และการเคลื่อนไหว ซึ่งการเลือกจะดูจากความแข็งแรงของผู้เล่นและสไตล์การเล่น โดยน้ำหนักของไม้แบดจะใช้หน่วยเป็น U ซึ่งตัวเลขยิ่งน้อยเท่าไร น้ำหนักก็จะยิ่งมากขึ้น ผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นหรือสำหรับมือใหม่ควรเริ่มจากน้ำหนักเบาๆ ประมาณ 3U ซึ่งจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 85-89 กรัม เพราะง่ายต่อการควบคุม และช่วยลดโอกาสของการบาดเจ็บจากการเล่น น้ำหนักของไม้แบดจะแยกได้คร่าวๆ ดังนี้

  • 2U (90-94g.) : หนัก (Heavy weight)
  • 3U (85-89g.) : หนักปานกลาง (Medium weight) 
  • 4U (80-84g.) : เบา (Light weight)
  • 5U (75-79g.) : เบามาก (Ultralight weight)

10 อันดับ ไม้แบด ยี่ห้อไหนดี 2024

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ไม้แบดมินตัน VICTOR | รุ่น ARS-100X 4U
ไม้แบดมินตัน KAWASAKI | รุ่น UP-0182
ไม้แบดมินตัน VICTOR | รุ่น TK-HMR
ไม้แบดมินตัน YONEX | รุ่น ASTROX 22 LT
ไม้แบดมินตัน VS | รุ่น NanoPower 7900
ไม้แบดมินตัน Alpsport | DF 8U Max 30LBS
ไม้แบดมินตัน ALP | รุ่น XHP
ไม้แบดมินตัน Felet | รุ่น TJ-Power Power
ไม้แบดมินตัน FBT | รุ่น 3.7s
ไม้แบดมินตัน Grand Sport | รุ่น ST
ความยาว 67.5 cm. 67.5 cm. 67.5 cm. 66.5 cm. 67.5 cm. 67.5 cm. 68 cm. 66 cm. 66 cm.
น้ำหนัก 4U 1U 4U, 5U 63 g. 5U 8U, 62 ± 2g. 6U (72g.) 4U, 82 ± 2g. 96 g.
วัสดุที่ใช้ทำก้านไม้ High Resilience Modulus Graphite+PYROFIL+6.8 SHAFT โลหะผสมอลูมิเนียมเหล็ก Graphite+ Resin +7.0 SHAFT High Modulus Graphite + Nanomesh NEO Japan High Modulus Graphite Carbon Fiber T1100 Carbon Fiber Carbon Nano อลูมิเนียม เหล็ก
วัสดุที่ใช้ทำเฟรม High Resilience Modulus Graphite+Nano Fortify TR+ อลูมิเนียมอัลลอยด์ Graphite+Resin High Modulus Graphite/Tungste Japan High Modulus Graphite Carbon Fiber T1100 Carbon Fiber Carbon Nano อลูมิเนียม เหล็ก
1

ไม้แบดมินตัน VICTOR รุ่น ARS-100X 4U

2

ไม้แบดมินตัน KAWASAKI รุ่น UP-0182

3

ไม้แบดมินตัน VICTOR รุ่น TK-HMR

4

ไม้แบดมินตัน YONEX รุ่น ASTROX 22 LT

5

ไม้แบดมินตัน VS รุ่น NanoPower 7900

6

ไม้แบดมินตัน Alpsport รุ่น DF 8U Max 30LBS

7

ไม้แบดมินตัน ALP รุ่น XHP

8

ไม้แบดมินตัน Felet รุ่น TJ-Power Power

9

ไม้แบดมินตัน FBT รุ่น 3.7s

10

ไม้แบดมินตัน Grand Sport รุ่น ST