รองเท้าเซฟตี้ (Safety Shoes) เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้ใช้จากความเสี่ยงในการทำงาน โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเท้าและขา เช่น งานก่อสร้าง, งานอุตสาหกรรม หรืองานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี แรงดัน หรือต้องใกล้ชิดกับวัสดุที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของร่างกาย รองเท้าเซฟตี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยป้องกันจากอันตรายเหล่านี้ ทั้งยังช่วยลดแรงกระแทก ป้องกันการลื่นได้ดี ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวม 10 อันดับ รองเท้าเซฟตี้ ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพ จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ พร้อมแนะนำวิธีเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกรองเท้าที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมสำหรับคุณมากที่สุด | จัดอันดับโดย Pro4289.com

10 อันดับ รองเท้าเซฟตี้ ยี่ห้อไหนดี 2024

1

Footniks รุ่น 27-0001 Safety Shoe

2

Kito Safety รุ่น BR14 Size 36-44

3

Caterpillar รุ่น Argon Composite Toe P712528

4

Safety Jogger รุ่น RAPTOR

5

Footniks รุ่น 31-204 หัวเหล็ก สีดำ

6

SafetyJogger รุ่น Desert S1P หัวเหล็ก คุณภาพสูง

7

Safety Jogger รุ่น YUKON หัวเหล็ก

8

Safety Jogger รุ่น X200031

9

Safety jogger รุ่น Bestrun S3

10

Caterpillar M Argon HI WP Composite Toe P90091

รองเท้าเซฟตี้ ยี่ห้อดัง ยอดนิยม

Footniks รุ่น 27-0001
Footniks รุ่น 31-204
รุ่น 74-0018 / 74-0017
Kito Safety BR16
Kito Safety BR14
Kito SJG6218
RENA S3
BESTBOY S3 Mid
SAFETYRUN S1P

Safety Jogger By Supakorn

Bestrun S3
BestBoy S3
Cador S1P
Footniks รุ่น 27-0001
Footniks รุ่น 31-204
Footniks รุ่น 49-150

Safety Jogger By HOS Heavy

SAFERUN
TURBO
X200031

รองเท้าเซฟตี้ *ขายดี* ยอดนิยม - ประจำเดือน

วิธีเลือกซื้อ รองเท้าเซฟตี้

การเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยขณะทำงาน เรามีขั้นตอนที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ดังนี้:

  1. ความเหมาะสมของขนาดรองเท้า: รองเท้าเซฟตี้ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับเท้าของคุณ คุณควรที่จะวัดขนาดเท้าของคุณโดยใช้ที่วัดหรือวิธีการวัดไซส์ที่นิยมในประเทศของคุณ เช่น US, UK, EU
  2. ประเภทของรองเท้า: ควรเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะกับสถานที่ทำงานของคุณ โดยคำนึงถึงประเภทของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น หากคุณทำงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงจากวัสดุ ของหนักหรือเครื่องจักร คุณควรเลือกรองเท้าที่มีหัวเหล็กและป้องกันการกระแทกได้ดี หากคุณทำงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงจากสารเคมี คุณควรเลือกรองเท้าที่สามารถป้องกันสารเคมีหรือกันน้ำได้ด้วย
  3. ความสะดวกสบาย: รองเท้าเซฟตี้ควรให้ความสะดวกสบายในขณะที่คุณสวมใส่ เนื่องจากคุณจะต้องสวมรองเท้าในการทำงานเป็นเวลานาน หากคุณมีโอกาสที่จะไปเลือกซื้อรองเท้าในร้านหรือห้างเองได้ ควรลองใส่รองเท้าและเดินไปมาในร้าน เพื่อดูว่ารองเท้าใส่เดินได้สบายและไม่ทำให้เจ็บเท้าของคุณ
  4. ความเสถียรภาพ: รองเท้าเซฟตี้ควรมีความเสถียรภาพสูง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและความเสียหายต่อเท้า รองเท้าที่มีการรองรับในช่วงข้อต่อและมีการควบคุมที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บ
  5. รองฟองอากาศ (Cushioned insole): รองเท้าที่มีรองฟองอากาศจะช่วยลดแรงกระแทกที่เท้าขณะที่เดินได้ดี ทำให้มีความสบายมากขึ้นระหว่างการทำงานที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานานๆ
  6. ความสามารถในการกันน้ำ: รองเท้าเซฟตี้ควรกันน้ำได้ เพื่อป้องกันการซึมของน้ำและสารเคมีเข้าสู่รองเท้า นี่เป็นคุณสมบัติสำคัญในสถานที่ทำงานที่มีน้ำหรือสารเคมีมาก
  7. ราคา: ราคาของรองเท้าเซฟตี้มีการแปรผันหลายราคา ควรกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและเลือกรองเท้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่คุณสามารถรับได้ อย่าเลือกซื้อรองเท้าราคาถูกเกินไปเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความสบายของรองเท้าเมื่อสวมใส่
  8. การรับรองมาตรฐาน: ตรวจสอบว่ารองเท้าเซฟตี้ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสมสำหรับงานของคุณ เช่น ASTM (American Society for Testing and Materials) หรือ EN (European Norms) เป็นต้น การรับรองนี้แสดงถึงว่ารองเท้ามีคุณภาพและมีความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด

การเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยขณะทำงาน ดังนั้น คุณควรใช้เวลาในการทดสอบรองเท้าและอาจต้องขอคำแนะนำกับผู้เชี่ยวชาญหรือร้านขายรองเท้าเซฟตี้ที่มีบริการที่ดี เพื่อให้การเลือกซื้อรองเท้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับงานของคุณมากที่สุด