เมื่ออากาศเริ่มเย็นลง ร่างกายของเราก็ต้องการความอบอุ่น ไม่ว่าความหนาวเย็นนั้นจะเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล หรือจะมาจากการเปิดเครื่องปรับอากาศก็ตาม พอเริ่มรู้สึกหนาวเราก็ต้องการหาอะไรมาปกคลุมร่างกาย หรือสิ่งของต่างๆ ที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับความอบอุ่น

10 อันดับ ผ้าห่ม ยี่ห้อไหนดี 2024

1

Lotus ผ้าห่ม ป้องกันโรคภูมิแพ้ รุ่น Eco Fur

2

Siamlatex ผ้าห่มเย็น รุ่น Blanket by Glada

3

Orientas ผ้าห่มหิมะ เบา นุ่ม รุ่น Koyuki Duvet

4

Kawa ผ้าห่ม เส้นใย Micro-Cotton รุ่น ZEN

5

WellPlus ผ้าห่มนวม เส้นใย นุ่ม รุ่น Purity

6

Satin Plus ผ้าห่มนวม ลายการ์ตูนสุดน่ารัก

7

Cushy ผ้าห่มไมโครไฟเบอร์ รุ่น Chiffon

8

Index Living Mall ผ้าห่มแบบเย็น รุ่นลิโมช

9

Lucky Mattress ผ้าห่ม Flower Style Collection

10

Nooz Play ผ้าห่ม สัมผัสนุ่ม รุ่น Comforter

ผ้าห่ม ยี่ห้อดัง ยอดนิยม

ผ้าห่ม ยอดนิยม ขายดี - ประจำเดือน

ประเภทของผ้าห่ม

  1. ผ้าห่มนวม

ผ้าห่มนวมจะมีความหนา ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม แต่ไม่หนัก ใช้ห่มร่างกายเพื่อให้ความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใช้ในฤดูหนาว หรือช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลง ซึ่งข้อเสียของผ้าห่มนวมคือ เวลาซักจะแห้งช้ากว่าผ้าห่มประเภทอื่น เพราะในผ้าห่มนวมจะมีการใส่ใยสังเคราะห์ไว้ด้านใน และในผ้าห่มนวมบางผืนก็ทำมาจากใยขนสัตว์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความหนาของตัวผ้าห่มด้วย

  1. ผ้าห่มนาโน

ผ้าห่มนาโน เป็นผ้าห่มที่ใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ ผลิตมาจากใยสังเคราะห์ที่มีขนาดเล็กเป็นพิเศษ เนื้อผ้าเนียนลื่น มีความละเอียด ไม่หลุดลอก ไม่เป็นขุย ป้องกันไรฝุ่น ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เหมาะสำหรับคนแพ้ง่าย สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย

  1. ผ้าห่มไฟฟ้า

ผ้าห่มประเภทนี้จากเดิมเป็นผ้าห่มที่ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตและนำมาวางจำหน่ายตามช่องทางการขายต่างๆ โดยตัวผ้าห่มจะใช้แผ่นความร้อนขนาดสี่เหลี่ยมและมีขดลวดอยู่ด้านในตัวผ้า ซึ่งจะมีเต้าเสียบหรือสายไฟที่จะสามารถปล่อยกระแสไฟแบบต่ำๆ พร้อมด้วยระบบกลไกลการลดอุณหภูมิเองแบบอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนที่มากเกินไป จนเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ผ้าห่มไฟฟ้ายังมีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายความปวดเมื่อย เหนื่อยล้าได้ดีมากๆ เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดหลัง หรือปวดตามเนื้อตัวอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าจะซื้อมาใช้ แนะนำให้เลือกใช้ของแบรนด์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย หรือต้องมี มอก.(มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) แล้วเท่านั้น

วิธีการเลือกผ้าห่ม

1. เลือกผ้าห่มที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ

ผ้าห่มที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ มักจะนำเอาวัสดุธรรมชาติมาผลิตให้ได้ออกมาเป็นตัวผ้า รวมไปถึงขนสัตว์ต่างๆ ซึ่งให้คุณสมบัติในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ผ้าห่มขนสัตว์ : ผ้าห่มที่ทำจากขนสัตว์จะให้ความอบอุ่นได้ดี โดยทั่วไปมักทำมาจาก ขนแพะ ขนอูฐ หรืออัลปากา เพราะสามารถดูดความชื้นและกระจายความร้อนได้ดี เวลาใช้งานจึงทำให้เรารู้สึกสบาย ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เหมาะสำหรับคนขี้ร้อนที่มีเหงื่อออกง่าย
  • ผ้าห่มผ้าฝ้าย : เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ให้ความอ่อนโยนและสัมผัสที่เบาสบาย สามารถดูดความชื้นและระบายความร้อนได้ดีเช่นกัน ใช้ได้ตลอดทั้งปี มีความปลอดภัย เด็กและทารกก็ใช้ห่มได้ ราคาไม่แพง ทั้งยังมีความทนทาน สามารถซักทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้าได้
  • ผ้าห่มผ้าแพร : มักผลิตมาจากวัสดุหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยไหม โพลีเอสเตอร์ หรือไนลอน โดยผ้าแพรมีคุณสมบัติให้ความเงางามมันวาว สัมผัสนุ่มนวล เบาสบาย ดูหรูหรา และดูดซับความชื้นได้ดี อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยป้องกันไรฝุ่นได้ดี แต่ข้อเสียของผ้าแพรคือไม่สามารถทำความสะอาดด้วยการซักน้ำได้

2. เลือกผ้าห่มที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์

ผ้าห่มที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ เป็นผ้าถักทอจากวัสดุที่ถูกผลิตขึ้นจากการค้นคว้าและพัตนาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผลิตออกมาได้เป็นวัสดุต่างๆ ดังนี้

  • ผ้าห่มไมโครไฟเบอร์ : ให้ความรู้สึกบางเบา ห่มสบาย ถักทอมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์และโพลีเอไมด์ ที่มีความทนทานสูง สามารถซักทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้าได้ ป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย
  • ผ้าห่มฟลีซ : ทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ที่มีความบางเบา สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี ให้สัมผัสที่นุ่มพอสมควร อุ่นนาน แต่เมื่อซักทำความสะอาดก็แห้งไว พกพาสะดวก และราคาไม่แพงมาก

3. เลือกผ้าห่มที่สามารถป้องกันเชื้อโรคหรือไรฝุ่น

สำหรับผ้าห่มที่สามารถป้องกันการสะสมของเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และไรฝุ่นได้นั้น จะเป็นผ้าห่มที่มีเนื้อผ้าคุณภาพดี และใช้กระบวนการถักทอแบบพิเศษ หรือมีคุณสมบัติพิเศษอยู่ในวัสดุที่นำมาทำเป็นผ้าห่มอยู่แล้ว ซึ่งอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ การเคลือบสารป้องกันเชื้อโรค จึงเหมาะกับคนแพ้ง่าย เพราะไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้

วิธีทำความสะอาดผ้าห่ม

  • ก่อนนำผ้าห่มไปซัก ให้เช็กก่อนว่าผ้าห่มของเราสามารถซักด้วยเครื่องซักผ้าได้หรือไม่
  • สำหรับการซักผ้าห่มด้วยเครื่องซักผ้า ไม่ควรซักปั่นเกิน 5 นาที เพราะถ้านานเกินไปจะทำให้ผ้าห่มเกิดความเสียหายได้
  • สำหรับซักด้วยมือ ใช้แช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วค่อยขยำเบาๆ จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำเย็นอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ห้ามออกแรงบิดผ้าห่มมากเกินไป
  • การซักผ้าห่ม ควรใช้น้ำเย็นซัก เพื่อขจัดสารตกค้างของผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้าให้หมดไป
  • แล้วนำมาปั่นแห้งเป็นเวลา 10 นาที โดยให้ตั้งอุณหภูมิเครื่องปั่นอยู่ในระดับกลาง
  • เมื่อปั่นแห้งเรียบร้อยแล้ว ให้นำผ้าห่มไปตากในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง และมีลมระบายอากาศได้ดี
  • หากผ้าห่มแห้งสนิทดีแล้ว ให้รีบเก็บทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ละอองฝุ่นมาเกาะบนผ้าห่มได้

ทั้งนี้ของใช้ในบ้านที่เพิ่มความอบอุ่น และให้การนอนของเราเต็มอิ่ม หลับสบายได้มากยิ่งขึ้น นอกจากผ้าห่มแล้ว ยังมี ผ้านวม , ผ้าปูที่นอน , ที่นอน และหมอนหนุน อย่าลืมว่าร่างกายของเราต้องการการดูแลและการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้กับการทำงานและทำกิจกรรมต่างๆ ในวันต่อๆ ไปด้วย

คำถามที่พบบ่อย

ก่อนใช้งานผ้าห่มให้ตรวจสอบว่ามีสิ่งเจือปนอยู่หรือไม่ โดยอาจใช้เครื่องดักเชื้อโรค หรือเครื่องซักผ้าในกรณีที่มีสิ่งเจือปนหนักมาก และควรเก็บผ้าห่มในที่แห้งและสะอาดเมื่อไม่ได้ใช้งาน

ใช้วิธีการล้างผ้าห่มตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยใช้น้ำยาล้างผ้าที่มีกลิ่นหอมสดชื่น และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างผ้าที่มีสารเคมีหรือกลิ่นเข้ม

เลือกผ้าห่มที่มีวัสดุที่ให้ความอบอุ่นอย่างเหมาะสมกับสภาพอากาศในพื้นที่ที่อาศัย หรือสามารถเพิ่มความอุ่นโดยใช้ผ้าห่มซ้อนกันหลายชั้นในช่วงเวลาที่อุณหภูมิต่ำ

ควรอ่านคำแนะนำการซักผ้าที่กำหนดไว้ในป้ายสัญลักษณ์บนผ้าห่ม และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันการสีตกหรือการแตกตัวของผ้า นอกจากนี้ควรเลือกผ้าห่มที่มีคุณภาพดีและมีการตัดและเย็บที่แข็งแรงเพื่อให้ผ้าห่มมีความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว