SSD หรือ Solid State Drive คืออุปกรณ์ไอทีสำหรับเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแบบ NAND Flash เพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งเปรียบเสมือนกับหน่วยความจำแบบ USB แต่มีความจุและประสิทธิภาพที่สูงกว่ามากๆ มีลักษณะที่แตกต่างจาก Hard Disk Drive (HDD) 

คุณสมบัติสำคัญของ SSD คือมีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงมาก ทำให้ระบบทำงานเร็วขึ้น นอกจากนี้ SSD ทำงานได้เงียบสงบกว่า HDD และมีความเสถียร ทนทาน ใช้พลังงานน้อยกว่า HDD ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม SSD จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานกับแอปพลิเคชันกราฟิกและเกม จะเห็นได้ว่า SSD มีประโยชน์มากมายในการทำงานกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และได้รับความนิยมมากๆ ในปัจจุบัน แน่นอนว่าเรามี 10 อันดับ SSD ยี่ห้อไหนดี รุ่นยอดนิยม ความจุเยอะ เก็บข้อมูลเร็ว มานำเสนอให้กับผู้ที่กำลังมาหา SSD คุณภาพดี ประสิทธิภาพสูงมาใช้งาน | จัดอันดับโดย Pro4289.com

แนะนํา 10 อันดับ SSD ยี่ห้อไหนดี รุ่นยอดนิยม 2024

1

SanDisk SSD ความจุ 2TB รุ่น E61

2

Kingston SSD ความจุ 2TB รุ่น NV1

3

Seagate SSD ความจุ 2TB รุ่น One Touch

4

Silicon Power SSD ความจุ 4TB รุ่น XS70

5

Corsair SSD ความจุ 2TB รุ่น MP600 Pro

6

Western Digital SSD ความจุ 2TB รุ่น P40

7

Samsung SSD ความจุ 2TB รุ่น 980 Pro

8

Crucial SSD ความจุ 4TB รุ่น P3 Plus

9

Lexar SSD ความจุ 1TB รุ่น SL660 Blaze

10

Orico SSD ความจุ 2TB รุ่น J-20 Pro

SSD ยี่ห้อดัง ยอดนิยม

SanDisk E61
E61 1T00 G25
E30 1T00 G26
My Passport 2TB
My Passport 1TB
My Passport 500GB
Fury (SFYRS)
Fury (SFYRSK)
XS2000 500GB
MP510 960GB
MP600 PRO LPX 1TB
MP510 480GB
Storage Expansion 1TB
One Touch 1TB
FireCuda 510 1TB
UD85
Ace A55
P34A60
ORICO J-10
ORICO 40Gbps
ORICO V500
Lexar® SL210
Lexar® SL200
Lexar SL100 PRO
Crucial P3
Crucial MX500
Crucial BX500
Samsung 980 PRO 1TB
Samsung 870 QVO 1TB
Samsung 980 500GB

SSD ยอดนิยม ขายดี - ประจำเดือน

ประโยชน์ของ Solid State Drive (SSD)

Solid State Drive หรือที่นิยมเรียกกันย่อๆ ว่า SSD เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีความเร็วและมีประสิทธิภาพสูง โดยมีประโยชน์มากมายในการใช้งานกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ดังนี้:

  • ความเร็วในการอ่านและเขียน: SSD มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงมาก ทำให้ระบบทำงานเร็วขึ้น โปรแกรมเปิดและทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในการโหลดระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่างๆ
  • ความเงียบ: SSD ไม่มีส่วนเคลื่อนไหวภายใน ซึ่งทำให้การใช้งานมีเสียงรบกวนน้อยกว่า Hard Disk Drive (HDD) ที่มีแผ่นดิสก์หมุนภายใน
  • ความเสถียร: SSD มีโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทาน ไม่แตกหักต่อการกระแทก และมีโอกาสเสียหายน้อยกว่า HDD
  • การใช้พลังงาน: SSD ใช้พลังงานน้อยกว่า HDD ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • เร่งความเร็วของระบบ: การอัปเกรดจาก HDD เป็น SSD สามารถเร่งความเร็วของระบบคอมพิวเตอร์โดยมอบประสิทธิภาพให้กับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันให้ดีขึ้น
  • ใช้งานได้ยาวนาน: SSD มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีการรับประกัน เพื่อให้คุณได้รับการสนับสนุนและบริการหลังการขายที่ดี
  • ขนาดและน้ำหนักเบา: SSD มีขนาดเล็กและบางกว่า HDD ซึ่งทำให้เหมาะที่จะใช้เป็นอุปกรณ์พกพาและเหมาะสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีพื้นที่จำกัด
  • ประสิทธิภาพในเกมมิ่ง: SSD ช่วยให้เกมมิ่งมีการโหลดข้อมูลเร็วขึ้น ลดเวลาที่จะเริ่มเล่นและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในเกมได้ดี
  • ความเหมาะสมกับการใช้กับงานขนาดใหญ่: สำหรับงานที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มและการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานกับแอปพลิเคชันกราฟิก SSD ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

ด้วยประโยชน์ที่มากมายดังกล่าว ทำให้การใช้งาน Solid State Drive (SSD) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณได้ดียิ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเร็วมากขึ้น

วิธีเลือกซื้อ Solid State Drive (SSD)

การเลือกซื้อ Solid State Drive (SSD) ต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างเหมาะสม เพื่อให้คุณได้ SSD ที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณ และนี่คือขั้นตอนที่สามารถนำไปใช้ในการพิจารณาเพื่อเลือก SSD ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้ดีที่สุด:

  1. กำหนดงบประมาณ: เริ่มต้นด้วยการกำหนดงบประมาณที่คุณพร้อมจะใช้สำหรับ SSD เนื่องจาก SSD มีราคาให้เลือกอย่างหลากหลาย ดังนั้น การกำหนดงบประมาณจะช่วยลดขอบเขตของตัวเลือกและช่วยให้คุณเลือก SSD ที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณได้ง่ายมากขึ้น
  2. ความจุ: ความจุของ SSD เป็นสิ่งสำคัญ ควรพิจารณาว่าคุณต้องการเก็บข้อมูลในปริมาณมากหรือน้อย หากคุณต้องการเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น วิดีโอหรือเกม คุณควรเลือก SSD ที่มีความจุมาก เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับไฟล์ของคุณ
  3. รูปแบบการเชื่อมต่อ: SSD มีรูปแบบการเชื่อมต่อต่างๆ ให้เลือก เช่น SATA, NVMe, PCIe เป็นต้น ควรตรวจสอบว่าเมนบอร์ดหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณรองรับรูปแบบการเชื่อมต่อใดได้บ้าง
  4. ความเร็วการอ่านและเขียน: ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลของ SSD มีผลกับประสิทธิภาพในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ หากคุณต้องการความเร็วสูง คุณควรเลือก SSD ที่มีความเร็วในการอ่านและเขียนสูง
  5. อ่านรรีวิวและการทดสอบ: อ่านรีวิวและดูการทดสอบ SSD จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานจริง เพราะอาจช่วยให้คุณตัดสินใจในการเลือก SSD ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
  6. ยี่ห้อและรุ่น: ยี่ห้อและรุ่นของ SSD สามารถมองเป็นแนวทางเพื่อช่วยให้คุณค้นหา SSD ที่มีคุณสมบัติและมีประสิทธิภาพตามที่คุณต้องการได้
  7. การรับประกันและบริการหลังการขาย: ควรตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันและบริการหลังการขายที่มาพร้อมกับ SSD ที่คุณสนใจ ว่ามีการรับประกันที่ยาวนานและมีการสนับสนุนหรือบริการหลังการขายที่ดีหรือไม่

การเลือกซื้อ SSD ควรพิจารณาความจุ รูปแบบการเชื่อมต่อ ความเร็วในการอ่านและเขียน ยี่ห้อหรือรุ่น และการรับประกันเพื่อให้คุณได้รับ SSD ที่ตอบสนองตรงความต้องการและใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับคุณ

การดูแลรักษา SSD ให้ใช้งานได้นาน

การดูแลรักษา Solid State Drive (SSD) เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ SSD ทำงานได้นานและคงประสิทธิภาพสูง เรามีวิธีดูแล SSD ที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้:

  • อัปเดตซอฟต์แวร์และไดรเวอร์: อัปเดตระบบปฏิบัติการและไดรเวอร์ SSD เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบางครั้งการอัปเดตจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของ SSD ให้ทำงานดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้งาน SSD ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เนื่องจากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง อาจทำให้ SSD หลายรุ่นทำงานไม่เสถียร แนะนำให้เก็บ SSD ไว้ในสภาพอากาศหรือพื้นที่ที่มีอุณหภูมิปกติ
  • การใช้งานของ Trim: Trim เป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับ SSD ที่ช่วยลดการสูญเสียประสิทธิภาพของ SSD ในระบบปฏิบัติการ Windows และ macOS Trim มักถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ แต่คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า Trim ยังเปิดใช้งานได้ตามปกติ
  • ระมัดระวังการแบ่งพาร์ติชัน (Partition): หลีกเลี่ยงการแบ่งพาร์ติชันบน SSD นอกจากจำเป็น เนื่องจากการแบ่งพาร์ติชันอาจส่งผลให้ SSD มีปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและการทำงานได้
  • ไม่ควรใช้งาน SSD เต็ม: อย่าใช้งาน SSD เต็มพื้นที่ เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง ควรเหลือพื้นที่ว่าง เพื่อให้ SSD ทำการ Wear Leveling ได้ถูกต้อง (Wear Leveling คือ วิธีการกระจายการเขียนข้อมูลออกไปให้ทั่วๆ สื่อเก็บข้อมูล เพื่อไม่ให้มีการเขียนข้อมูลซ้ำที่ส่วนหนึ่งส่วนใดบ่อยครั้งเกินไป)
  • การสำรองข้อมูล: แม้ SSD จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ก็ควรสำรองข้อมูลสำคัญๆ อยู่เสมอ เพื่อป้องกันการสูญเสียของข้อมูลอย่างไม่คาดคิด

โดยสรุป SSD คืออุปกรณ์ไอทีใช้เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค และอุปกรณ์อื่นๆ SSD มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูง ช่วยให้ระบบทำงานได้เร็วขึ้น และใช้พลังงานน้อยกว่า HDD จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานกับแอปพลิเคชันกราฟิกและเกม การเลือกซื้อ SSD มาใช้งานอย่างเหมาะสม คุณควรพิจารณาเกี่ยวกับ ความจุ ความเร็วในการอ่านและเขียน รูปแบบการเชื่อมต่อ รวมถึงงบประมาณที่คุณพร้อมจะใช้จ่ายสำหรับ SSD ด้วย

คำถามที่พบบ่อย

SSD (Solid-State Drive) และ HDD (Hard Disk Drive) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ใช้ในคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูลและโปรแกรม มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ซึ่งความแตกต่างระหว่าง SSD และ HDD มีดังนี้:

วิธีการเก็บข้อมูล:

  • SSD: ใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแบบ NAND flash memory เพื่อเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีส่วนขยายเชิงกลไก ซึ่งทำให้มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงมากโดยไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวภายใน SSD ซึ่งทำให้มีเสียงรบกวนน้อยและใช้พลังงานน้อยกว่า HDD
  • HDD: ใช้แผ่นแม่เหล็กหมุนเพื่อเก็บข้อมูล มีหัวอ่าน/เขียนที่เคลื่อนไหวบนแผ่นแม่เหล็ก เมื่อต้องการอ่านหรือเขียนข้อมูล หัวอ่านและเขียนจะต้องเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมบนแผ่นแม่เหล็ก ซึ่งทำให้มีความหน่วงในการเข้าถึงข้อมูลและมีการใช้พลังงานมากกว่า SSD

ความเร็ว:

  • SSD: มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงมาก มักมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและการโอนถ่ายข้อมูล (อ่าน/เขียน) โดยทั่วไป
  • HDD: มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลที่ช้ากว่า SSD มาก มีความหน่วงในการเข้าถึงข้อมูล และมีความเร็วที่เริ่มต้นช้าและเพิ่มขึ้นเมื่อหัวอ่าน/เขียนเคลื่อนไหวไปยังตำแหน่งข้อมูล

ขนาด:

  • SSD: มักมีขนาดที่เล็กและบางกว่า HDD จึงทำให้พกพาได้สะดวก ซึ่งเหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่มีพื้นที่จำกัด
  • HDD: มักมีขนาดใหญ่กว่า SSD และมีความหนามากกว่า ซึ่งอาจจำเป็นต้องให้มีพื้นที่มากพอเพื่อเก็บข้อมูลมากๆ

ราคา:

  • SSD: มักมีราคาสูงกว่า HDD ตามความเร็วและความจุ
  • HDD: มักมีราคาต่ำกว่า SSD ในความจุที่เทียบเท่า

โดยสรุป SSD มีความเร็วและความทนทานที่ดีกว่า HDD แต่มักมีราคาสูงกว่า ในขณะที่ HDD มีความจุใหญ่และราคาต่ำกว่า การเลือกใช้ SSD หรือ HDD ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มีการจัดเก็บข้อมูล

SSD (Solid-State Drive) เหมาะสำหรับใช้กับระบบปฏิบัติการใดก็ได้ เนื่องจาก SSD มีความเร็วและประสิทธิภาพที่สูงมากและสามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการทั้งหมดที่รองรับการเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ของ SSD อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Linux, Unix, BSD หรือระบบปฏิบัติการอื่นๆ อีกมากมาย

SSD (Solid-State Drive) ทำงานอย่างไรนั้น เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบอุณหภูมิหลังเก็บข้อมูล (NAND flash memory) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดย SSD มีหลายส่วนประกอบที่ทำงานร่วมกันเพื่อเก็บและจัดการข้อมูลในอุณหภูมิหลังเก็บข้อมูล ดังนี้:

  • NAND Flash Memory: อุปกรณ์หลักใน SSD คือ NAND flash memory ซึ่งเป็นชิปหน่วยความจำแบบอุณหภูมิหลังเก็บข้อมูล ข้อมูลถูกเขียนลงใน NAND flash memory ในรูปแบบของบิต (bit) โดยใช้กระบวนการการเขียนแบบไฟฟ้า การเขียนข้อมูลสามารถทำได้โดยการใส่หรือถอดไฟฟ้าจากเซลล์ของ NAND flash memory ซึ่งเป็นการเปลี่ยนสถานะของบิต
  • Controller: SSD มีตัวควบคุม (controller) ที่ดูแลการจัดการข้อมูลใน NAND flash memory และการเรียกใช้ข้อมูลจากเซลล์และบล็อกข้อมูลต่างๆ ของ NAND flash memory โดยอยู่ระหว่างคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลภายใน SSD
  • RAM Cache: บาง SSD มีแคช (cache) ที่ใช้เป็นพื้นที่ชั่วคราวในการเก็บข้อมูลที่ถูกอ่านหรือเขียนไปชั่วคราว เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูล

การทำงานของ SSD มีขั้นตอนหลักดังนี้:

  • การอ่านข้อมูล: เมื่อคอมพิวเตอร์ต้องการอ่านข้อมูลจาก SSD, Controller จะส่งคำสั่งไปยัง NAND flash memory เพื่ออ่านข้อมูลและส่งข้อมูลกลับไปยังคอมพิวเตอร์
  • การเขียนข้อมูล: เมื่อคอมพิวเตอร์ต้องการเขียนข้อมูลลงใน SSD, Controller จะเรียกใช้พื้นที่ว่างใน NAND flash memory และเขียนข้อมูลลงในนั้น บิตที่ต้องการเขียนจะถูกเปลี่ยนสถานะโดยการปรับการเข้าถึงไฟฟ้าในเซลล์ของ NAND flash memory
  • การจัดการข้อมูล: SSD มีระบบจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนเพื่อจัดการกับข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่ย้ายไปมาใน NAND flash memory เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของ SSD
  • การควบคุมความเร็ว: Controller จะควบคุมการอ่านและเขียนข้อมูลเพื่อให้ SSD ทำงานในความเร็วที่สูง โดยปรับความเร็วการเข้าถึงข้อมูลตามความต้องการของคอมพิวเตอร์

SSD ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยี NAND flash memory และตัวควบคุม เพื่อจัดการข้อมูลและควบคุมความเร็วการอ่านและเขียนข้อมูล เป็นอุปกรณ์ที่มีความเร็ว มีประสิทธิภาพสูง และมีความทนทานต่อการใช้งานเมื่อเทียบกับ HDD (Hard Disk Drive) ที่ใช้แผ่นแม่เหล็กหมุนในการอ่านและเขียน

ได้, แต่ไม่แนะนำ การซื้อ SSD มือสองอาจช่วยให้คุณประหยัดเงิน แต่ต้องระมัดระวังและพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ถ้าคุณมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ SSD และสามารถรับความเสี่ยงที่มากกว่านี้ การซื้อ SSD มือสองอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณในการอัปเกรดระบบของคุณ อย่างไรก็ตาม การซื้อ SSD ใหม่แกะกล่องก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะ SSD ใหม่จะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า และสินค้าก็มีการรับประกันด้วย ดังนั้น คุณควรซื้อ SSD จากแบรนด์หรือร้านค้าที่มีความเชื่อถือได้ เพื่อให้คุณได้รับ SSD ที่เป็นของแท้ 100% มาใช้งาน